สมคิด จี้ พาณิชย์ ห้ามเกียร์ว่าง ปล่อยสินค้าขึ้นราคา

สมคิด จี้ พาณิชย์ ห้ามเกียร์ว่าง ปล่อยสินค้าขึ้นราคา


“สมคิด” สั่งพาณิชย์ห้ามเกียร์ว่าง เดินหน้าดูแลค่าครองชีพ สินค้าเกษตร เล็งเปิดร้านค้าเมืองหลัก-รองขายนักท่องเที่ยวกว่า 40 ล้านคน

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามงานร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันยังต้องทำงานอีก 2-3 เดือน จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ดังนั้นข้าราชการยิ่งต้องโหมงานหนักมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ายังคงดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ขอฝากให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายในติดตามดูแลสถานการณ์ในช่วงนี้ ส่วนเรื่องราคาสินค้าทั่วไป จะต้องไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาเด็ดขาด ขณะที่สินค้าเกษตร ต้องรักษาระดับราคาไว้ โดยตัวที่มีปัญหาอย่างกระเทียมกำลังจะดีขึ้น และปาล์มน้ำมัน ก็กำลังดีขึ้น ให้รอฟังข่าวจากกระทรวงพลังงาน และ ปตท.และได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ

“ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยปีละกว่า 40 ล้านคน และได้เดินทางไปเที่ยวทั้งเมืองหลัก เมืองรอง โดยได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการหาจุดสำคัญในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อจัดให้เป็นจุดซื้อขายสินค้า รองรับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ว่าดึงให้มาเที่ยวไทยเพียงอย่างเดียว ต้องผลักดันให้ซื้อสินค้าด้วย และให้นำระบบออนไลน์มาใช้ในการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่จะซื้อสินค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่ทุกวันนี้ ไม่ใช้เงินสดกันแล้ว” นายสคิด กล่าว

ด้านการส่งออก นายสมคิด กล่าวว่า ยังมีทิศทางที่ไม่ดีขึ้น ได้ขอให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปดูว่าในประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก ไทยจะเข้าไปเปิดร้านค้าและนำสินค้าของไทยเข้าไปจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ที่ไหนบ้าง อย่างเช่นที่ญี่ปุ่น บางเมือง เช่น นารา มีร้านขายสินค้าทั้งจีน อินเดีย ฝรั่ง แต่ไม่มีร้านไทย ก็ต้องหาทางไปปักธงให้ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดการส่งออกให้กับสินค้าไทยได้ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ส่วนเป้าหมายการส่งออกปีนี้ 8% หากทำไม่ได้ ก็จะลงมากระตุ้น และต้องเร่งผลักดันในภาคบริการ เพื่อทดแทน

“กรณีที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ต้องบอกว่าการเมืองที่ไม่นิ่งและไม่ชัดเจนมีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทย และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ไม่มีอารมณ์ที่จะบริโภค เช่นเดียวกับนักลงทุนที่รอความชัดเจนของรัฐบาล หากมีความชัดเจน ก็จะเริ่มลงทุน ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันประคับประคองไปให้ได้ และต้องโหมงาน ยิ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เกียร์ว่างไม่ได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการค้า การขาย” นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เร่งรัดผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค (RCEP) มีข้อสรุปผลให้ได้ภายในปีนี้ตามเป้าหมาย ส่วนการเข้าร่วมความตกลงครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาผลักดัน และเชื่อว่าสมาชิกอย่างญี่ปุ่นจะมีความเข้าใจสถานการณ์การเมืองของไทย