กทม. จ่อ ออกกฎคุมกระสอบน้ำแข็งไม่ได้มาตรฐาน

กทม. จ่อ ออกกฎคุมกระสอบน้ำแข็งไม่ได้มาตรฐาน

กทม. จ่อร่างหลักเกณฑ์ควบคุมมาตรฐานความสะอาด ผู้ประกอบการผลิตน้ำแข็ง หลังพบพบถุงกระสอบพลาสติกบรรจุน้ำแข็งส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนตัวน้ำแข็งมีความสะอาดผ่านเกณฑ์ทั้งหมด

นายชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสุ่มเก็บตัวอย่าง ถุงกระสอบพลาสติกบรรจุน้ำแข็ง จากโรงงานผลิตน้ำแข็งและร้านค้าจำหน่ายน้ำแข็ง 10 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบถุงกระสอบพลาสติกบรรจุน้ำแข็งส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพนั้น กทม. จะร่างหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมมาตรฐานความสะอาดต่อไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสถานที่ผลิตน้ำแข็ง จำนวน 71 ราย แบ่งเป็น น้ำแข็งหลอด 55 ราย น้ำแข็งซอง 5 ราย น้ำแข็งหลอดและซอง 11 ราย ที่ผ่านมาสำนักอนามัย ร่วมกับสำนักงานชันสูตรสาธารณสุขและสำนักงานเขต เฝ้าระวังคุณภาพและความปลอดภัยน้ำแข็งช่วงหน้าร้อน โดยตรวจสถานที่ผลิตน้ำแข็งในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างเดือนมี.ค. – ก.ค.ของทุกปี ผลการตรวจสอบในปี 2561 ด้านสุขลักษณะตามหลักเกณฑ์ GMP มีผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 71 ราย และจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำแข็งจากสถานที่ผลิตในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด 82 ตัวอย่าง พบว่าด้านจุลินทรีย์ ผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำแข็ง และด้านเคมี ผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำด้านเคมี ทั้ง 82 ตัวอย่าง

ประเด็นสำคัญ กทม. ยังต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ผู้ประกอบการขนส่งน้ำแข็ง ใช้ถุงพลาสติกในการบรรจุน้ำแข็งแทนการใช้ถุงกระสอบ ภาชนะรองรับน้ำแข็งต้องสะอาด และดูแลสุขอนามัยของผู้ขนส่งน้ำแข็ง และขอแนะนำให้ประชาชนควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่บรรจุในถุงหรือแก้วพลาสติกพร้อมบริโภค สังเกตรายละเอียดบนฉลากภาชนะบรรจุน้ำแข็ง ดูเครื่องหมายสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ชื่อ และที่ตั้งของผู้ผลิต มีข้อความระบุ “น้ำแข็งใช้รับประทานได้”

ส่วนน้ำแข็งที่ใช้ตักแบ่งขายในร้านอาหาร หากต้องการบริโภคต้องตรวจดูให้แน่ใจว่า น้ำแข็งมีความใส สะอาด ปราศจากเศษฝุ่นละอองปนเปื้อน ภาชนะบรรจุน้ำแข็งต้องสะอาด และผู้จำหน่ายต้องไม่นำสิ่งของอื่นมาแช่ปะปนกับน้ำแข็งบริโภค และควรหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ขนส่งโดยถุงกระสอบ เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ดำเนินการประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อเฝ้าระวังสถานที่ผลิตน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ผลิตน้ำแข็งให้ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค หากพบว่ากระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด (GMP) ถือว่ามีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และแจ้งงดการผลิตจนกว่าจะปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน หรือหากพบพยาธิหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือปน หรือผู้บริโภคได้รับความเจ็บป่วยจากการรับประทานน้ำแข็ง จะเข้าข่ายเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ