แอมเนสตี้สากล ออกแถลงการณ์คัดค้านกฎหมายอิสลามของประเทศบูรไน เผยเป็นชาติแรกในอาเซียน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ได้ออกแถลงการณ์โจมตีรัฐบาลบรูไน ที่จะประกาศใช้กฎหมายอิสลาม (ชะรีอะฮ์) อย่างเข้มงวดในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ได้กล่าวถึงความรุนแรงของบทลงโทษของผู้มีรสนิยมรักร่วมเพศคือต้องถูกขว้างด้วยหินจนตาย นับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้บทลงโทษที่รุนแรงกับกลุ่มความหลากหลายทางเพศ
อย่างไรก็ดีสำหรับการนำกฎหมายศาสนาอิสลามมาใช้นั้น เริ่มต้นในปี 2014 เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ พระประมุขและนายกรัฐมนตรี ทรงประกาศใช้กฎหมายอิสลาม มีการกำหนดช่วงเวลาการปรับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเป็น 3 ระยะคือ ในปี 2014 จะลงโทษผู้ที่มีบุตรนอกสมรส ผู้ที่ไม่ไปละหมาดวันศุกร์ และผู้ที่เผยแพร่ศาสนาอื่นที่มิใช่อิสลาม ต่อมาในปี 2015 มีแผนที่จะเริ่มการโทษผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วยการเฆี่ยน และผู้ที่ขโมยทรัพย์สินผู้อื่นจะต้องถูกตัดมือ และในปี 2016 จะเริ่มต้นลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ผู้ที่มีชู้ คนร้ายคดีข่มขืน และผู้ที่ออกจากศาสนาอิสลาม ด้วยการขว้างด้วยหินจนตาย แต่อย่างไรก็ตามการเริ่มต้นที่จะใช้กฎหมายดังกล่าวครั้งแรกนั้น เกิดกระแสต่อต้านไปทั่วโลก จนสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงชะลอแผนออกไป
แต่ในวันที่ 3 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ทางการบรูไนจะเริ่มใช้บทลงโทษในระยะที่ 2 และ 3 ตามลำดับการใช้กฎหมายศาสนา โดยก่อนหน้านี้ โทษของคดีรักร่วมเพศในบรูไน คือจำคุก 10 ปี แต่หลังจากนี้จะรับโทษเฆี่ยนและขว้างด้วยหินจนตาย
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันประเทศที่มีบทลงโทษคนรักร่วมเพศด้วยการประหาร ส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกา คือ อัฟกานิสถาน, บรูไน, อิหร่าน, มอริตาเนีย, ซูดาน, ไนจีเรีย, เยเมน, ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, และโซมาเลีย
