เอกชนประสานเสียงขอรัฐบาลใหม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่อยากเห็นการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพิ่มการบริโภคในประเทศ และลดปัญหาคอร์รัปชั่น
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงาน ดำเนินการตามนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ได้ประกาศหาเสียงเอาไว้ นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งขับเคลื่อนคือ การลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ การเพิ่มการบริโภคในประเทศ รวมถึงการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร พร้อมกับผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือการลดปัญหาคอร์รัปชั่น
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของเศรษฐกิจที่อยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการเป็นการเร่งด่วน คือ เร่งการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ยังค้างการเจรจากันอยู่ ทั้งในส่วน เอทีเอไทย-สหภาพยุโรป ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียนและ 6 ประเทศคู่เจรจา ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) เพราะการค้าโลกปัจจุบันกีดกันมากขึ้น โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน (เทรดวอร์) และไทยกำลังถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี(จีเอสพี) เพิ่ม ส่วนการลงทุนต้องการให้รัฐบาลใหม่สานต่อโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อดึงการลงทุนจากต่างชาติ
ขณะที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการคือ ส่งเสริมให้การทำธุรกิจง่ายขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น พร้อมกับผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการรถไฟความเร็วสูง เนื่องจากต่างชาติเองก็มองว่าอยากให้รัฐบาลไทยดำเนินการโครงการเหล่านี้ต่อ
นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า สิ่งที่ภาคธุรกิจคาดหวังจากการเลือกตั้งคือ ความชัดเจนการตั้งรัฐบาล แนวทางดำเนินนโยบาย เพื่อให้เห็นภาพเศรษฐกิจว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจดำเนินงานต่อไป
นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ต้องติดตามผลการเลือกตั้งที่จะออกมาว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจธนาคารก็ต้องดำเนินการตามปกติต่อไป แม้ว่าจะมีใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม
