งานเข้าอนาคตใหม่? พบข้อมูล ‘ธนาธร-ภรรยา’ เพิ่งโอนหุ้นเจ้าของธุรกิจนิตยสารดัง ให้แม่เมื่อ 21 มี.ค. 62 ก่อนเลือกตั้งส่อขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.ส. เหตุรัฐธรรมนูญห้ามเป็นเจ้าของสื่อ ด้านอดีตผู้พิพากษาจี้ กตต.เอาผิด
วันที่ 22 มี.ค.62 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ภายหลังจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2562 ถึงแนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินประมาณ 5 พันล้านบาท ก่อนรับตำแหน่งทางการเมือง โดยจะใช้แนวทาง Blind Trust
คือโอนทรัพย์สินที่เป็นหุ้นไปให้ Trust หรือกองทุนเป็นผู้ดูแล โดยจะให้บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด เป็นผู้ดูแลทั้งหมด ส่วนทรัพย์สินอื่น บ้าน รถ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะเก็บไว้ในนามส่วนตัว และยังบอกอีกว่าวิธีนี้เป็นมาตรฐานใหม่ ไม่มีเคยมีนักการเมืองคนไหนใช้ Private Fund มาก่อน เป็นนวัตกรรม ยกระดับมาตรฐานแสดงความจริงใจให้เกิดต่อสาธารณชน
กรณีของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ประกอบธุรกิจสื่อนิตยสารนั้น ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ กรรมการ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทำหนังสือถึงนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร ส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นชุดใหม่ ลงวันที่ 21 มี.ค.2562 ไม่มีรายชื่อ นายธนาธร และ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด
จากการตรวจสอบพบว่า นายธนาธร และ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้โอนหุ้นที่ถือครองรวมกัน 900,000 หุ้น มูลค่า 9 ล้านบาทไปให้ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ วันที่ 30 เม.ย.2561 นายธนาธร ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จำนวน 675,000 หุ้น (15%) นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ถือ 225,000 หุ้น (5%) วันที่ 21 มี.ค.2562 ได้โอนหุ้น 900,000 หุ้นไปให้นางสมพรดังข้างต้น
นอกจากนายธนาธร และนางรวิพรรณแล้ว ในวันดังกล่าว มีบุคคลอีก 3 คน คือ นายณรงค์ศักดิ์ โอปิลันธน์ นายอรัญ วงศ์งามนิจ และ นางกมลฉัตร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเดิมถือครองคนละ 225,000 หุ้น ได้โอนหุ้นให้นางสมพรในวันเดียวกันด้วย ( ดูตารางและเอกสารประกอบ)
ทั้งนี้ การโอนหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการประกาศใช้แนวทางบริหารจัดการทรัพย์สินด้วยวิธี Blind Trust เมื่อวันจันทร์ที่ 18 มี.ค. 2562 จำนวน 3 วัน และก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.2562 จำนวน 3 วัน
บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 10 ม.ค. 2551 ทุนล่าสุด 45 ล้านบาท ประกอบธุรกิจสื่อนิตยสาร ที่ตั้งอาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ เลขที่ 1768 หมู่ที่ 16 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ผู้ถือหุ้นล่าสุด ณ วันที่ 21 มี.ค.2562 จำนวน 5 คน 1.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 2,250,000 หุ้ 2.น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น 3.น.ส.รุจิรพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น 4. นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ 675,000 หุ้น และ 5.นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ 225,000 หุ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
ด้านนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า
“…..สำนักข่าวอิศราได้รายงานข่าวเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๙ นาฬิกาเศษ ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อนิตยสาร จำนวน ๖๗๕,๐๐๐ หุ้น (๑๕%) และได้โอนหุ้นดังกล่าวไปให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒
…..ถ้าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง นายธนาธรก็ต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามตามรัฐธรรม นูญแห่งราชอาณาจักไทย มาตรา ๙๘(๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๒ (๓) ซึ่งบัญญัติว่า “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ”
…..เมื่อนายธนาธรต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.
จึงไม่มีสิทธิยื่นสมัครรับเลือกตั้ง การยื่นสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๔-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จึงเป็นการยื่นสมัครที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและ พรป.เลือกตั้ง
…..คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งโดยด่วนเพราะนายธนาธรเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และหากได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ด้วย หากปล่อยไว้จะเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติมากมาย
…..การต้องห้ามมิให้รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญและ พรป.เลือกตั้งกรณีเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ นี้ศาลฎีกาได้เคยมีคำสั่งไว้ ตามคำสั่งศาลฎีกาที่ ๑๑๔๔/๒๕๖๒
…..พรป.เลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๕๑ บัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายช่ือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนดยี่สิบปี
…..ตามบทบัญญัติดังกล่าวหมายความว่า การที่รู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งแต่ยังไปสมัครรับเลือกตั้งมีโทษจำคุก ๑ ปี ถึง ๑๐ ปี หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐๐,๒๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๒๐ ปี
…..นอกจากยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนสิทธินายธนาธรแล้ว ต้องดำเนินการสอบสวนและส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องนายธนาธรต่อศาลที่มีอำนาจพิจารฌาพิพากษาคดีอาญา เพื่อพิจารณาพิพากษาโดยเร็วด้วย
…..กรณีนี้ไปตรวจสอบหลักฐานที่สำนักงานหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาไม่เกิน ๓๐ นาทีก็สามารถทราบได้ว่า ข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศราเป็นความจริงหรือไม่
…..ถ้าเป็นความจริงกระบวนการดำเนินการทางกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
…..ขอให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่และคลั่งไคล้นายธนาธรประดุจเทพเจ้าผู้มาปลดเปลื้องประเทศไทยให้พ้นจากความด้อยพัฒนาไปสู่ความศิวิไลซ์ ต้องยอมรับคำวินิจของศาลทั้งการเพิกถอนสิทธินายธนาธรในสมัครรับเลือกตั้ง และการลงโทษนายธนาธรในทางอาญา รวมทั้งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๒๐ ปี
…..หวังว่าน้องฟ้าทั้งตัวจริงและตัวปลอมคงจะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเศร้าโศกเสียใจมากมายจนถึงกับทำลายชีวิตอันมีค่าของตนเองหรือพากันสมัครยอมติดคุกแทนหากศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายธนาธรเพราะทางเรือนจำยินยอมให้กระทำไม่ได้”
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา /ภาพ FB อนาคตใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
