ม.หอการค้าชี้ศก.ไทยไม่สดใส จีดีพีโตเต็มที่ 3.8

ม.หอการค้าชี้ศก.ไทยไม่สดใส จีดีพีโตเต็มที่ 3.8


ม.หอการค้าไทยพยากรณ์การขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะลดต่ำลงเหลือ 3.8 % จากเดิมตั้งเป้า 4.5% ชี้หลายปัจจัยไม่เอื้ออำนวย ทั้งศึกการค้ามะกัน-จีน พ่วง Brexit เมืองผู้ดี แถมรัฐบาลชุดนี้ปรับตัวไม่ทัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจในปี 2562 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าเศรษฐกิจไทยขยายตัว 4-4.5% คาดว่าอาจเหลือ 3.7-4.2% โดยมีความเป็นไปได้มากที่สุด 3.8%

ทั้งนี้ สาเหตุของการปรับลดในครั้งนี้เกิดจากผลกระทบ 2 ปัจจัยหลัก คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ที่ฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลออย่างเป็นรูปธรรม หลังจากทั้งสองประเทศได้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกัน และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่สามารถที่จะนำมาตรการใหม่ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก จนกว่าจะรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสหรัฐฯ-จีนจะมีท่าทีอ่อนลง แต่ผลการปรับขึ้นภาษีในปีที่แล้ว ซึ่งทั้งสองประเทศไม่ได้มีการปรับลดลงตาม ได้กระทบต่อการส่งออกไปยังจีน สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงมาตรการกีดกันการค้าของประเทศต่างๆ และเหตุการณ์ Brexit ของประเทศอังกฤษด้วย ดังนั้น จากเดิมทีคาดว่าไทยจะส่งออกได้ในระดับ 5% แต่ตอนนี้น่าจะเหลือเติบโต 3-4%

“ส่วนเรื่องของการนำงบประมาณรัฐ มากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมนั้นยากมาก เพราะตอนนี้รัฐบาลแม้จะมีอำนาจเต็ม แต่สภาพก็เหมือนกับรัฐบาลรักษาการ จึงทำได้เพียงการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เร็ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยจะติดตามข้อมูลอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่จะมีการประกาศตัวเลขใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้ง” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของเงินสะพัดจากการเลือกตั้ง ที่บรรดาผู้สมัครสส.นำมาใช้หาเสียง การจัดกิจกรรม การจ้างงาน การจัดเวที การซื้อรถปิ๊กอัพใหม่ และรถมือสอง และการซื้อสินค้าต่างๆ ที่คาดว่าจะมีประมาณ 3-5 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆ และคงจะจบหลังเลือกตั้ง

นายธนวรรธน์ ยังกล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.2562 พบว่า ดัชนีอยู่ในระดับ 96.0 เป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 5 เดือน เป็นผลจากการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.2562 อย่างเป็นทางการ และทำให้บรรดาพรรคการเมือง ต่างใช้เงินในการหาเสียง และทำกิจกรรมต่างๆ จนเงินลงสู่ระบบและหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วงเดือน ก.พ. 10,000-15,000 ล้านบาท และจะมีเพิ่มมากขึ้นในเดือน มี.ค. ประมาณ 20,000-25,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังพบว่านักท่องเที่ยวจีน เริ่มกลับเข้ามาเที่ยวในไทย ใกล้เคียงในระดับปกติแล้ว โดยได้รับการยืนยันจากสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ ที่พบว่าห้องพัก และปริมาณของนักท่องเที่ยวจีนตามสถานที่ต่างๆ บางแห่งมีปริมาณมากในระดับปกติ และบางพื้นที่ใกล้ปกติ จนทำให้มีเม็ดเงินสะพัด ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายประเภท ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง เนื้อหมู ไก่ เป็ด ไข่ไก่ เป็นต้น