คลังร่วมจุฬา พัฒนาระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

คลังร่วมจุฬา พัฒนาระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

คลังจับมือคณะเศรษศาสตร์จุฬา พัฒนาระบบลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯ ลดปัญหาขาใหญ่กระเป๋าตุงถือบัตรรูดซื้อสินค้า ปรับบทเรียนการช่วยเหลือให้ตรงจุด ตรงกลุ่ม ตามพื้นที่

วันที่ 8 มีนาคม 2562 – นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการวิจัย เรื่องออกแบบ พัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการเปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่ม แต่ละภูมิภาคได้ตรงจุดมากขึ้นตามความต้องการของประชาชน รวมถึงเพื่อเป็นการจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจาก พ.ร.บ. กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานแรกมีผลบังคับใช้แล้ว จึงต้องการนำบทเรียนที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2559 ปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยปัจจุบันใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท/ปี และยืนยันไม่กระทบต่อฐานะทางการคลัง

ทั้งนี้ เป้าหมายคือการเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่มีความชัดเจน และแม่นยำมากขึ้น เพราะขณะนี้แทบทุกพรรคการเมือง ล้วนแต่ต้องการจัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชนในรูปแบบต่างๆ จึงใช้ผ่านเครื่องมือที่วางรากฐานไว้ได้ แต่รูปแบบการดำเนินการหลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหาร ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยจะปรับรูปแบบทั้งเรื่องรายได้ การถือครองทรัพย์สิน ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนไปแล้ว 14.5 ล้านคน การได้รับบัตรสวัสดิการฯ ต้องนำมาฝึกอบรมอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ยั่งยืน เพื่อไม่ให้กลับออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ และเชื่อมโยงข้อมูล Big Data ของหลายหน่วยงานรัฐ จัดสรรสวัสดิการในทิศทางเดียวกันไม่ซ้ำซ้อน

ด้านนายวรเวศม์ สุวรรณระดา คณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ทางคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมเข้ามาช่วยทาง สศค. จะใฃ้เครื่องมือเศรษศาสตร์เชิงพฤติกรรม มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล คาดว่าศึกษาแล้วเสร็จ 3-4 เดือนข้างหน้า เพื่อนำมาวิเคราะห์และออกแบบการให้สวัสดิการให้มีความเหมาะสม ตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้น หากรัฐบาลต้องการช่วยเหลือ ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง เช่าบ้าน ชดเชยแวต ค่าไฟฟ้า ประปา หรือดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบต่างๆ สิ่งเหล่านี้ยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะสังคมผู้สูงอายุ จำเป็นอย่างมากต้องหามาตรการรองรับดูแลในสังคมไทย