“คลังข้อมูลธุรกิจไทย” คว้าแชมป์เทคโนโลยีดิจิทัล UN

“คลังข้อมูลธุรกิจไทย” คว้าแชมป์เทคโนโลยีดิจิทัล UN


กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย “คลังข้อมูลธุรกิจไทย” คว้าแชมป์เทคโนโลยีดิจิทัล ขององค์การสหประชาชาติ ร่วมกับอีก 4 ประเทศที่ รอลุ้นผลจะได้รับการคัดเลือกเป็น The Winner หรือไม่ในวันที่ 9 เม.ย.ที่จะถึงนี้

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เสนอโครงการ “คลังข้อมูลธุรกิจ” หรือ DBD Business Data Warehouse เข้าประกวดในรายการ WSIS Project Prizes 2019 ที่จัดโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) และสหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ (International Telecommunication Union : ITU) ซึ่งเป็นการประกวดที่ส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศและสังคมโลกอย่างยั่งยืน โดยกรมฯ ได้ส่งประกวดในหมวด 3 เรื่อง Access to Information and Knowledge จากที่จัดประกวดทั้งหมด 18 หมวด

ซึ่งปรากฎว่าไทยได้รับรางวัลแชมเปียนในการประกวดของหมวดนี้ ร่วมกับอีก 4 ประเทศ ได้แก่ จีน มอริเชียส ตุรกี และรัสเซีย ซึ่งได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากโครงการที่มีการจัดส่งประกวดในหมวดนี้สูงถึง 101 โครงการ

นายวุฒิไกร กล่าวว่า “ตอนนี้ เราได้รับรางวัลแล้ว และขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการที่จัดประกวดจะพิจารณาข้อมูลรายละเอียดโครงการทั้งหมด จุดเด่น-จุดด้อย และประโยชน์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศเจ้าของโครงการและสังคมโลก

ก่อนตัดสินรอบสุดท้าย โดยจะประกาศรางวัล The Winner ในวันที่ 9 เม.ย.2562 ภายในงาน WSIS Forum 2019 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 เม.ย.2562 ณ Geneva International Conference Center กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์”

นายวุฒิไกร กล่าวอีกว่า “ภาคธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก DBD Business Data Warehouse เช่น ตรวจสอบสถานะนิติบุคคล โดยสามารถค้นหาข้อมูลของนิติบุคคล พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อมูลในประเภทธุรกิจเดียวกัน เพื่อให้ทราบถึงสถานะของตนเองแยกตามขนาดธุรกิจ รวมทั้งผลประกอบการเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจ และอัตราส่วนทางการเงิน

ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวัดประสิทธิภาพในการบริหารงานของกิจการ สะท้อนให้เห็นจุดแข็ง จุดอ่อน ช่วยวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไข หรือพัฒนาการดำเนินงานขององค์กรให้ได้ผลการดำเนินงานตรงตามแผนงานหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ของกิจการ”

ทั้งนี้ ในการวิเคราะห์ธุรกิจ สามารถค้นหาข้อมูลภาพรวมของกลุ่มธุรกิจแต่ละประเภท วิเคราะห์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจตามผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจลงลึกถึงระดับภาคและจังหวัด เพื่อให้เห็นถึงแนวโน้มการประกอบธุรกิจในแต่ละพื้นที่ อัตราการอยู่รอดของธุรกิจ พร้อมทั้งสัดส่วนการลงทุนในนิติบุคคลแบ่งตามสัญชาติ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุนในธุรกิจเป้าหมายที่สนใจ หรือปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของธุรกิจในปัจจุบัน

ซึ่งยังสามารถค้นหาคู่ค้าทางธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำเพื่อค้นหาปัจจัยการผลิตสินค้าและบริการ โดยมีข้อมูลทางธุรกิจให้ตรวจสอบเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการติดต่อคู่ค้าที่มีความน่าเชื่อถือ และค้นหาธุรกิจปลายน้ำเพื่อค้นหาแหล่งกระจายสินค้าและผู้ใช้บริการสามารถขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ ยังจะเป็นเครื่องมือช่วยกำหนดกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ โดยใช้เครื่องมือแบบจำลองทางการเงิน และการประมาณการเพื่อพิจารณาแนวโน้มรายได้ของธุรกิจรายประเภท ลงลึกถึงพื้นที่ และขนาดของธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนแผนการเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยตนเอง และกำหนดแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้มีทิศทางที่ถูกต้อง วางแผนและกำหนดตำแหน่งของธุรกิจในอนาคตได้ ส่งผลให้สามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้ได้อย่างรวดเร็ว สร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจในระยะยาว

ผู้ประกอบการสามารถใช้งานระบบ DBD Business Data Warehouse โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แทปเลท หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th เลือก “บริการออนไลน์” คลิก “DBD DataWarehouse+ ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมหรือ สแกน QR code

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

https://www.thaiquote.org/content/217558