ก.อุตฯ ตรวจเข้ม 2,657 โรงงาน ป้องกันปล่อยน้ำเสีย

ก.อุตฯ ตรวจเข้ม 2,657 โรงงาน ป้องกันปล่อยน้ำเสีย

กระทรวงอุต ฯ งัด 4 ป.” ปลุก ปราบ ปรับ และปิด” โรงงานปล่อยน้ำเสีย เร่งตรวจสอบ 2,557 แห่งทั่วประเทศ พร้อมคุมเข้มโรงงานเสี่ยงเกิดอัคคีภัยช่วงฤดูร้อน

นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ทุกจังหวัด และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินการแจ้งเตือนและตรวจสอบโรงงานในพื้นที่ที่มีน้ำทิ้งจำนวน 2,657 โรงให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยห้ามระบายน้ำทิ้งที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายออกนอกโรงงานโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา

ประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งจากระบบฐานข้อมูลคุณภาพน้ำทั่วประเทศในหลายพื้นที่อยู่ในระดับเสื่อมโทรมมาก เช่น บางพื้นที่ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และบางปะกง ปกติในฤดูร้อน ปริมาณและอัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำลำคลองจะลดลง หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเชิงป้องกันและเฝ้าระวัง มาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามแผนการตรวจกำกับโรงงานที่มีน้ำทิ้ง รวมทั้งสิ้น 2,657 โรง ได้ตรวจสอบแล้ว 369 โรง พบว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จำนวน 11 โรง และได้สั่งการให้ปรับปรุงแก้ไขโดยเร่งด่วนแล้ว

สำหรับการดำเนินงานจะใช้มาตรการ “4ป” กับผู้ประกอบการที่ระบายน้ำทิ้งออกนอกโรงงานไม่เป็นไปตามกฎหมาย คือ ปลุก ปราบ ปรับ และปิด ซึ่งมีความหมายคือ ปลุกจิตสำนึก ปราบปรามตรวจสอบ ปรับจับและดำเนินคดี และ ปิดโรงงาน ทั้งนี้บางส่วนได้ตรวจบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ด้วย

ในส่วนของโรงงานขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำทิ้งต่อวันมากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน กฎหมายกำหนดให้ต้องติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะออนไลน์มายัง กรอ. โดยจะตรวจวัดค่าการใช้ไฟฟ้าของระบบบำบัดน้ำ ค่าปริมาณการปล่อยทิ้งของน้ำต่อวัน และค่าปริมาณความสกปรกของน้ำที่ปล่อยทิ้ง (BOD/COD) หากพบเข้าใกล้ หรือเกินมาตรฐานที่กำหนด ระบบจะส่งสัญญาณเตือน หลังจากนั้น กรอ. จะแจ้งเตือนไปยังโรงงาน พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบทันทีซึ่งสามารถติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้เพื่อให้การตรวจกำกับดูแลด้านมลพิษทางน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมและตรงกับสภาพการณ์จริงยิ่งขึ้น กระทรวงฯ จึงได้สั่งการให้ทบทวนแผนการตรวจกำกับโรงงานด้านมลพิษทางน้ำ และเร่งรัดการตรวจกำกับโรงงาน เรื่องน้ำเสียให้แล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคมนี้ พร้อมรายงานให้ผู้บริหารโดยด่วนทุกสัปดาห์

“เราได้ขอความร่วมมือให้โรงงานที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหรือลำน้ำสาธารณะ โรงงานที่มีปริมาณน้ำทิ้งต่อวันเป็นจำนวนมากและโรงงานที่ต้องจัดทำรายงาน รว.2 ฯลฯ ระมัดระวังการระบายน้ำทิ้งของโรงงาน หากพบว่าทำผิดกฎหมายจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งการดำเนินการที่เข้มข้นดังกล่าวจึงมั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมจะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลำน้ำมีปัญหา ประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคได้เต็มที่” นายสุรพลกล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงฤดูร้อนยังมีความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย หรืออุบัติเหตุในโรงงานและเหมืองแร่ โดยเฉพาะโรงงานที่มีความเสี่ยง เช่น โรงงานแป้งมัน โรงงานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานผลิตภัณฑ์กระดาษ โรงงานผลิตภัณฑ์ยาง โรงงานสี ทินเนอร์ โรงงานพลาสติก โรงงานห้องเย็น และโรงงานผลิตน้ำแข็งที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น เป็นต้น ซึ่งตอนนี้ กระทรวงฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานดำเนินการตรวจกำกับ แนะนำ โรงงานและเหมืองแร่ในพื้นที่ให้ระมัดระวังการประกอบกิจการและปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดไปด้วยแล้ว