วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 – นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า รณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคพลังประชารัฐนั้น ถือเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน เป็นการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความไม่ชอบธรรม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้ง ส.ว. และ ส.ว. มีสิทธิ์เลือกนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ส.ว. จะเลือกคนที่แต่งตั้งตนเองให้ได้เป็น ส.ว. คือ เลือก พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะในกรณีที่พรรคการเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รวมเสียง ส.ส. ได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว. ก็ไม่ควรสนับสนุนบุคคลที่ได้เสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรให้จัดตั้งรัฐบาล แต่ ส.ว. ควรสนับสนุนนายกฯที่มีพรรคการเมืองสนับสนุนเกินกว่าครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเท่ากับ ส.ว. เคารพเสียงของประชาชนข้างมากของประเทศที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์ผ่านการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
” จึงอยากเรียกร้องให้ ส.ว. ที่กำลังได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้า คสช. ฟังเสียงข้างมากของประชาชนมากกว่าฟัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่แต่งตั้งตนเองมาเป็น ส.ว. เท่านั้น การที่ ส.ว. ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าฟัง พล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับ ส.ว. เคารพการตัดสินใจของประชาชนซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม แต่ถ้า ส.ว. ฟัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก ก็จะผลักประเทศไทย เข้าสู่วังวนของปัญหาไม่รู้จบ อันอาจทำให้วงจรอุบาทว์หมุนวนเวียนกลับมาเกิดขึ้นในไทยอีกวาระหนึ่งซึ่งไม่เกิดผลดีกับประเทศชาติแต่อย่างใด “นายองอาจ กล่าว