“มาร์ค” จี้ กกต.ตรวจสอบ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่เข้าข่ายหาเสียง

“มาร์ค” จี้ กกต.ตรวจสอบ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่เข้าข่ายหาเสียง


วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขตลาดพร้าว วังทองหลาง เบอร์ 16 ได้ลงพื้นที่เพื่อแจกแผ่นพับแนะนำนโยบาย “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” ของประชาธิปัตย์ให้กับประชาชน บริเวณสี่แยกวังหิน
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า จากการลงพื้นที่พบว่า ปัญหาใหญ่ในพื้นที่คือการจราจร จากการสอบถามประชาชนแต่ละคนใช้เวลาในการเดินทางไปทำงานค่อนข้างนาน ดังนั้น จึงต้องมีการเร่งรัดระบบขนส่งมวลชนและจัดระบบสาธารณะอื่นๆ ให้สอดรับกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน
การลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่าประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและอยากเห็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง โดยในพื้นที่ที่พรรคประชาธิปัตย์มีอดีต ส.ส. ประชาชนก็จะคุ้นเคยกับการทำงานของ ส.ส. ของพรรคที่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีความรู้สึกว่าไม่ได้หายไปไหนและไม่ได้ทิ้งกันในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นแต่มองว่าคะแนนเสียงเดิมก็จะแข่งขันกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย แต่ก็ต้องให้โอกาส ผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ ได้ ทำการหาเสียง โดยพรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับคนกรุงเทพในทุกเขต
อย่างไรก็ตาม นอกจากความพร้อมในเรื่องของนโยบายกรุงเทพฯ แล้ว อยากให้ประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งมั่นใจว่าคนกรุงเทพฯ ก็มองเห็นว่าที่ผ่านมาการมีรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้สร้างความลำบากและเดือดร้อนอย่างไร รวมถึงรัฐบาลที่ใช้อำนาจไปในทางมิชอบก็ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้น แนวทาง นโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติและประชาธิปไตยที่สุจริต จึงถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
สำหรับการลงพื้นที่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งปฏิเสธว่าไม่ใช่เป็นการไปหาเสียงนั้นมองว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ควรต้องทำการตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจว่า การที่นายกฯ ลงพื้นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร จึงอยากให้มีการสร้างบรรทัดฐานที่ดี หากพลเอกประยุทธ์ตัดสินใจว่าจะไม่ลาออก ก็ควรทุ่มเททำงานในเชิงนโยบายและสะสางปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ แต่จากที่สังเกตพบว่าที่ผ่านมาการลงพื้นที่ของนายกฯ ไม่ได้มีการตอบโจทย์ดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะคนในกรุงเทพฯไม่ชอบผู้ที่เอาเปรียบคนอื่นอยู่แล้ว และไม่หวั่นไหวกับการใช้อำนาจรัฐ
แม้ในต่างจังหวัดอาจมีหวั่นไหวกับอำนาจรัฐบ้าง แต่ประเด็นหลัก คือ ต้องสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ถูกต้อง หากเราอยากเจริญก้าวหน้าอย่างอารยะประเทศแต่ไม่มีมาตรฐานทางการเมืองก็คงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การใช้พรรคการเมืองที่เป็นมาตรฐานสากลก็จะเป็นคำตอบหนึ่งที่ทำให้การเมืองดีขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้ ทางพรรคเตรียมจัดส่งแผนการปราศรัย และแผนการจัดทำสื่อเผยแพร่ทางโทรทัศน์ต่อ กกต. ภายในวันนี้(18 ก.พ.) หลังจากนั้นจะเดินทางพบปะประชาชนในทุกภาค รวมทั้งการจัดสรรเวลาเพื่อดีเบตและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ส่วนการที่พรรคการเมืองบางพรรคที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการหาเสียงโดยเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น มองว่า การแข่งขันในการเลือกตั้งถือเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งอยากให้ประชาชนทุกกลุ่มรวมถึงคนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวทางการเมืองเพื่อพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุด

มท.1 เผย “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ โดยก่อนเข้าประชุมได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้า คสช. จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่นั้น

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ตนไม่ขอวิจารณ์เรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เพราะการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีไม่ได้ไปหาเสียงอะไร แต่เป็นการลงไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติอย่างที่เคยทำมาตลอดเวลา 4 ปี

“ส่วนตัวผมขอชี้แจงในอีกมุมหนึ่ง ในช่วง 2 เดือนข้างหน้าจะมีงานพิธีสำคัญหลายประการในประเทศไทย สมควรให้นายกรัฐมนตรีอยู่ปฏิบัติหน้าที่” มท.1 กล่าว