น.ส.อุษาศรี เขียวระยับ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก สหรัฐฯ เปิดเผยว่า สมาคม American Pet Products Association – APPA ได้รายงานผลการใช้จ่ายของผู้เลี้ยงสัตว์ในสหรัฐฯ ที่ได้ใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการเพื่อสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารสัตว์ ของเล่น เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ การดูแลสุขภาพสัตว์ การเสริมสวยให้สัตว์ เป็นต้น รวมเป็นมูลค่าสูงถึง 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.6% และตัวเลขในปี 2561 คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนช่องทางการขายปลีก ที่รายงานโดย Nielsen Findings ให้ข้อมูลว่า ร้านค้าปลีก ทั้งดิสเคาน์สโตร์ ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ และซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นช่องทางหลักของสินค้าสัตว์เลี้ยง มีมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วยร้านค้าปลีกเฉพาะสินค้าสัตว์เลี้ยง เช่น ร้าน Petsmart , Petco , Pet Valu , Pet Land มีมูลค่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่องทางอีคอมเมิร์ซตามมาเป็นอันดับ 3 มีมูลค่า 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และช่องทางร้าน Farm & Feed Store มูลค่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Vet Clinic มูลค่า 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ
สำหรับสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยงกลุ่ม Pet Food & Treat คิดเป็น 45% หรือคิดเป็นมูลค่า 32,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ของตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยง ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% จากปีที่ผ่านมา และอาหารสัตว์ประเภทเปียก ขยายตัว 4.7% การจำหน่ายทางออนไลน์ขยายตัว 58%
น.ส.อุษาศรี กล่าวว่า แนวโน้มการจำหน่ายอาหารสัตว์ในปัจจุบัน พบว่า ปริมาณการขายสินค้าแบบปกติลดลง เนื่องจากผู้เลี้ยงสัตว์หันไปซื้ออาหารสัตว์แบบพรีเมียม หรือต้องการให้สัตว์เลี้ยงมีพฤติกรรมบริโภคอาหารเหมือนกับเจ้าของ เช่น เจ้าของบริโภคอาหารแบบธรรมชาติหรืออินทรีย์ สัตว์เลี้ยงก็จะได้รับการบริโภคอาหารแบบเดียวกัน เพื่อให้สัตว์มีความสุขและมีสุขภาพดี ทำให้อาหารสัตว์แบบนี้มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ อาหารสัตว์ควบโปรตีนและพืช เช่น มันเทศ ถั่ว ผลบลูเบอรี่ หรืออาหารชุดแบบพรีเมียม ที่มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก ก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพของสัตว์ ส่วนอาหารแบบที่ใช้สีเทียม รสชาติเทียม และสารกันบูด มีแนวโน้มไม่ได้รับความนิยม และหลายๆ ร้านได้เลิกที่จะจำหน่ายสินค้าเหล่านี้แล้ว
“ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์ของไทย ต้องศึกษาแนวโน้มตลาดให้ดี เพราะปัจจุบันอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นแค่อาหารให้สัตว์บริโภคไปวันๆ แต่ต้องเป็นอาหารคุณภาพดี มีประโยชน์ และช่วยดูแลสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง หากสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด ก็จะมีโอกาสในการส่งออกเพิ่มมากขึ้น” น.ส.อุษาศรี กล่าวทิ้งท้าย