นายปิยบุตร แสงกนกุล เลขาพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันจุดยืนของตัวเองว่าต้องการยุติการสืบทอดอำนาจของคสช. และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตาม พรรคก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้านเพราะในระบอบประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านไว้คอยตรวจสอบรัฐบาลด้วย แต่ยังยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่ก็มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล และพร้อมจะให้นายธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนคำถามที่ว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ถูกเสนอชื่อในนามพรรคไทยรักษาชาติเพื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯนั้น พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าการแข่งขันการเลือกตั้งจะต้องเป็นไปอย่างเสรี เป็นธรรม บุคคลใดก็ตามที่เสนอตัวเข้าสู่แวดวงทางการเมือง จะต้องถูกอภิปรายได้ ถูกโต้แย้งได้ตามปกติของระบอบประชาธิปไตย
“ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯได้ทรงย้ำจุดยืนว่าไม่ชอบเรื่องอภิสิทธิ์ชน และเป็นสามัญชน ดังนั้นก็มีสิทธิ์จะถูกวิจารณ์ได้ และทุกคนก็มีสิทธิ์จะโต้แย้งและวิจารณ์ได้ด้วยเช่นกัน” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ในส่วนประเด็นว่าพรรคอนาคตใหม่จะร่วมกับการเมืองพรรคใดนั้น ยืนยันว่าทำงานร่วมได้กับทุกพรรคที่มีจุดยืนเดียวกัน คือไม่ต้องการสืบทอดอำนาจของคสช. และแน่นอนว่าจุดยืนนี้พรรคก็ไม่สามารถร่วมงานได้กับพลังประชารัฐ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีบางส่วนบอกว่าจะไปร่วมงานกับพลังประชารัฐ ซึ่งคำตอบก็ชัดเจนแล้วว่าเราไม่ร่วมงานด้วย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่สื่อมวลชนตั้งคำถามว่าจะเกิดความอึดอัดในการหาเสียงด้วยหรือไม่ เพราะทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ เรื่องนี้ถือเป็นปกติของการเลือกตั้ง และอยากให้เป็นบรรยากาศตามปกติ สื่อต้องไม่ทำให้ผิดปกติ ย่ิงมีคำถามในลักษณะนี้ออกมายิ่งผิดปกติไปใหญ่ และทุกคนทุกพรรคการเมืองก็ต้องมาแข่งขันตามกติกากันตามปกติ
“การเลือกตั้งครั้งนี้คือการนำการเมืองไปสู่ระบบปกติอีกครั้ง หลังเราอยู่ในระบอบพิเศษมานาน ดังนั้น อยากให้ทุกคนช่วยคิด และสื่อช่วยเสนอให้การหาเสียงเลือกตั้งทำตามแบบปกติ เหมือนที่ต่างชาติเขาทำกัน ไม่ว่าใครก็ตามจะมาแข่งขันกันเป็นนายกฯ ก็ต้องมาช่วยกันทำให้การแข่งขันนั้นมีความเสรี และเป็นธรรม เพื่อให้เรากลับไปสู่ประชาธิปไตยให้ได้” นายปิยบุตร กล่าว
ด้านนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 คือการเซ็ตซีโร่อีกอย่างหนึ่งของประเทศไทย เพราะสิ่งที่เคยขัดแย้งกันที่ผ่านมาไม่สามารถอธิบายบริบททางการเมืองของบ้านเราได้อีกต่อไป และเหตุการณ์บิ๊กเซอร์ไพรซ์ที่เกิดขึ้นคือโอกาสที่ให้ประชาชนได้เลือกข้างทางการเมืองใหม่อีกครั้ง และจะแตกต่างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีพรรคอนาคตใหม่เป็นทางเลือกด้วย
“เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้เป็ฯการต่อรองของชนชั้นนำเพียงอย่างเดียว แต่ประชาธิปไตยจะเข้มแข็งได้ จะต้องมีประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบด้วย และประวัติศาสตร์ก็บอกแล้วว่าประชาธิปไตยที่เอาแต่ต่อรองกันมันไม่ได้ยั่งยืน” นายธนาธร กล่าว
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคขึ้นมาก็ยังไม่เคยไปพูดคุยหรือเจรจากับใครแม้แต่คนเดียว และไม่ต้องการจะเจรจาใดๆ ด้วย เพราะไม่ต้องการดูถูกประชาชน และไม่ทราบว่าพรรคอื่นคุยอะไรกันไปถึงไหน
“ผมไม่เคยคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ คุณหญิงสุดารัตน์ นายอภิสิทธิ์ หรือนายสุริยะ ผมไม่เคยคุยเลย และแม้แต่นายทักษิณ ชินวัตรด้วย ผมก็ไม่เคยคุยหรือไปต่อรองอะไรเช่นกัน และผมอยากบอกว่า แคนดิเดตนายกฯทุกคนที่ถูกเสนอชื่อมา ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งต่อหน้ากฎหมาย และต่อหน้าประชาชน ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน” นายธนาธร กล่าว