มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย – นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ทำการประเมินสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่จะมีผลกระทบเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยพบว่าหากสถาการณ์ฝุ่นเกิดขึ้นในระยะยาวกว่า 3 เดือน คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยถึง 2-4 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนเศรษฐกิจไทยจะมีผลกระทบถึง 1.5 หมื่นล้านบาท/เดือน เพิ่มเติมจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ผลกระทบจากฝุ่นจะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มพบว่าสถานการ์ฝุ่นอาจจะยังไม่คลี่คลายในเร็วนี้
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นเริ่มมีผลกระทบในด้านจิตวิทยาด้วย และเห็นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้น ทั้งการประกาศหยุดเรียนใน่วงที่ผ่านมา รวมถึงกระแสผลกระทบต่อสุขภาพทำให้คนไม่สบายจากฝุ่นละออง ซึ่งเป็นผลสะท้อนให้คนส่วนใหญ่เริ่มวิตกกังวลต่อสถานการณ์อย่างจริงจัง และผลการเสียหายทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์นั้น ส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือด้านการทอ่งเที่ยว
“การประเมินตัวเลขผลกระทบค่าฝุ่นกับเศรษฐกิจไทย ได้คำนวณจากภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัยของประชาชน โดยมีการซื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 800 บาท/เดือน รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ รวมทั้งการสูญเสียรายได้จากการนำเข้าหน้ากากเอ็น 95 จากต่างประเทศ และการสูญเสียรายได้ภาคการท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการสูญเสียงบประมาณของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมากที่สุด คือ สนับสนุนให้รถใช้น้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม การกวดขันจับกุมรถควันดำ และควบคุมการก่อสร้างและโรงงานที่ปล่อยมลพิษให้มากขึ้น โดยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะปัญหาฝุ่นละอองจะมีผลกระทบทางด้านจิตวิทยารุนแรงที่กระทบเศรษฐกิจและสุขภาพของคนไทย ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา