สีสันของการเมือง กับ 8 ปีที่หายไป

สีสันของการเมือง กับ 8 ปีที่หายไป


แสงแรกของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 บริเวณโดยรอบสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง อันเป็นสถานที่เปิดรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตของพื้นที่เมืองหลวงประเทศไทย ทั้ง 30 เขตการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร คราคร่ำไปด้วยผู้สมัครส.ส.จากหลากหลายพรรคการเมือง รวมแล้วกว่า 400 ชีวิต ในใจก็วาดฝันว่าจะได้เข้าไปอยู่สภาอันทรงเกียรติเพื่อทำงานรับใช้ประชาชน
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโลกและสังคมได้ก้าวเข้ามาถึงยุคสมัยใหม่เป็นที่เรียบร้อย แม้ภาพชินตาในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ก่อนที่พรรคไทยรักไทยของยิ่งลักษณ์จะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลจะยังคงชินตา และท้ายสุดก็ถูกโค่นล้มยึดอำนาจโดยกองทัพของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทั่งเข้าก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเองจนถึงปัจจุบัน
ภาพที่ว่าเป็นสีสันอย่างมากสำหรับคอการเมืองในประเทศไทย เพราะหลายพรรคการเมืองทั้งหน้าเก่า ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือแม้แต่ภูมิใจไทย รวมถึงหน้าใหม่ที่มาแรงไม่น้อยอย่างพลังประชารัฐ และอนาคตใหม่เองก็ตาม ก็เรียกสีสันอย่างคึกคึกและครึกครื้น ท่ามกลางบรรยากาศของ “พ้องพี่น้อง” ในวงการเมือง แม้จะอยู่คนละข้าง เจอหน้ากันก็ทักทาย ยกมือไหว้ตามอาวุโส และทักทายพร้อมลงสู่สนามการเลือกตั้ง

หรือแม้แต่การเดินทางมายังสถานที่รับสมัคร หลายคนก็เลือกจะใช้ “รถโดยสารสาธารณะ” มายังที่หมาย ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคฯ พา 30 ชีวิตผู้สมัครส.ส.มายังสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นด้วยรถเมล์สาย 24 จอดปุ๊ปเดินลงมาพร้อมกับยกมือไหว้ทุกคนที่ได้เห็นหน้า
พรรคที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงในวงการเมืองแทบทุกวันอย่าง “พลังประชารัฐ” อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคที่มาพร้อมกับพ่อบ้านของพรรคอย่าง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาพรรคฯ ก็ขนลูกพรรคขึ้นรถทัวร์มาพร้อมกันทุกคน ไม่ต้องเสียเวลามารถยนต์ส่วนตัวแล้วต้องสาละวนหาที่จอดรถกันให้วุ่นวาย
หรือแม้แต่ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย บิ๊กเนมของพรรค ก็เลือกจะสวมหมวกกันน็อคและซ้อนท้ายรมอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังสถานที่รับสมัครส.ส. แต่ไม่ทราบว่าได้พูดคุยอะไรกันกับวินหรือเปล่าระหว่างที่โดยสารมา ขณะที่ลูกพรรคบางคนก็เลือกความสบายด้วยรถยนต์ส่วนตัวตามสะดวก
หรือแม้แต่ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวเรือของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เลือกวิธี “เดินเท้า” จากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ซึ่งอยู่บริเวณหลังกระทรวงแรงงานใกล้เคียงกับจุดรับสมัคร พาคณะลูกพรรคเดินเท้ามาสมัครส.ส.เมืองกรุงฯ พร้อมกับเอ่ยทักทายประชาชน และขนาบหลังด้วยกองเชียร์ของตัวเอง
หรือพรรคที่มาแรงอย่างภูมิใจไทย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ก็เลือกนั่งบริการ “แกร็บ แท็กซี่” มายังจุดรับสมัคร ซึ่งแกร็บแท็กซี่นี่เอง พรรคภูมิใจไทยก็ผลักดันเป็นนโยบายที่ใช้หาเสียงอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ถึงที่หมาย เพราะการจราจรที่ติดขัด ทำให้อนุทินต้องลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินมายังสถานที่รับสมัครแทน
แต่ที่น่าจะเป็นแรงบวกให้เห็นว่า “บรรยากาศการเมืองที่ดี” กำลังจะกลับมา เห็นได้จากกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายในแต่ละขั้วการเมืองที่เคยบาดหมางกันมาก่อน ต่างเลือกที่จะ “เชียร์” พรรคที่ชื่นชอบของตัวเอง ไม่มีใครแหลมมา “แช่ง” ให้เกิดข้อขุ่นมัวหมองใจกันเลย
หรือแม้แต่กำลังตำรวจที่มาดูแลความปลอดภัย ก็ดูแลความปลอดภัยจริงๆ ไม่มีเหตุต้องมาวุ่นวายหรือยับยั่งการกระทบกระทั่งระหว่างกองเชียร์สให้ปวดหัว แต่ก็มีสร้างความปวดหัวให้กับการกองทัพนักข่าวที่ไปรายงานการเปิดหัวรับสมัครส.ส.กันบ้าง โดยเฉพาะประเด็นการไม่อนุญาติให้บินโดรนถ่ายภาพมุมสองการรับสมัคร หรือบรรยากาศ หากจะบินก็ต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ได้เบอร์สมัครแล้วปุ๊ป ก็เตรียมสติกเกอร์ตัวเลข ติดป้ายประกาศเป็นเบอร์หาเสียงของตัวเอง แล้วเดินหาเสียงกับชุมชนโดยรอบทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา หรือบางพรรคไม่พร้อม ก็เอาปากกาเขียนเบอร์ตัวเองที่ได้มาออกหาเสียงแบบไม่มีใครยอมใคร
สีสันครั้งนี้ ถือว่าห่างหายไปนานพอดู และแน่นอนว่ามันจะยิ่งเพิ่มความคึกคักและเข้มข้นอีกมากแน่นอน ก่อนถึงวันชี้ชะตาประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เพราะจะเป็นวันที่คนทั้งประเทศจะได้รู้ว่า ประเทศไทยจะเดินไปสู่เส้นทางไหนในอนาคต