ข่าวดี! PM 2.5 ลดลง อยู่เกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่

ข่าวดี! PM 2.5 ลดลง อยู่เกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่

ควบคุมมลพิษรายงาน สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ประจำวันที่ 4 ก.พ.พบว่า ปริมาณ PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ลดลงจากเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ทุกพื้นที่
ขณะที่ คาดการณ์สถานการณ์จากแบบจำลองการคาดการณ์ปริมาณ PM 2.5 ของ กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์ว่าในวันที่ 5 ก.พ.นี้ปริมาณ PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยบางพื้นที่ แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ทุกพื้นที่

ทั้งนี้ จากการดำเนินมาตรการเพื่อลดฝุ่นละอองของหน่วยงานต่างๆ อย่างเข้มข้น จะส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองลดลงได้
สำหรับการดำเนินงานเพื่อลดฝุ่นละอองในวันนี้ กทม. ร่วมกับโรงเรียนการบินกรุงเทพมหานคร นำเครื่องบินเล็กโปรยละอองน้ำ เหนือพื้นที่เขตบางแค บางบอน ทวีวัฒนา และตลิ่งชัน รวมทั้งหมด 11 เที่ยวบิน ทั้ง 50 เขตระดมบิ๊กคลีนนิ่ง บริเวณหน้าบ้านและสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่เวลา 22.00 น. บริเวณถนนกาญจนาภิเษก ระหว่างถนนพระราม2 ถึงถนนกัลปพฤกษ์
บางกอกเอวิชั่น เซ็นเตอร์ เผยสเปรย์น้ำได้ผล พร้อมบิน 120 เที่ยว/วัน
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ น.ท.ปิยะ ตรีกาลนนท์ ประธานกรรมการบริษัท บางกอกเอวิชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (BAC) เปิดเผยว่า หลังจากที่บีเอซีได้ทดลองนำเครื่องบินเล็กของโรงเรียนการบินกรุงเทพ จำนวน 8 ลำ ขึ้นพ่นละอองน้ำเพื่อชะล้างฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ที่ลอยในอากาศเหนือกรุงเทพมหานคร โดยน้ำร่องที่บริเวณย่านถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน เป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-3 กุมภาพันธ์
และก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้มีการทดลองขึ้นบินพ่นละอองน้ำในพื้นที่อื่นๆ ด้วย จากการติดตามผลการปฏิบัติงานได้ผลเป็นที่น่าพอใจ มีการตรวจสอบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กทั้งก่อน และหลังการปฏิบัติการ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลง
น.ท.ปิยะ ระบุว่า สิ่งที่ทำให้ทีมงานยิ่งมั่นใจว่าการสเปรย์ละอองน้ำสามารถจับฝุ่น PM 2.5 ได้ผลนั้น เพราะได้มีการตั้งระบบการสเปรย์ละอองน้ำให้มีขนาด 3 ไมครอน เพื่อให้จับกับฝุ่น PM2.5 และละอองน้ำนี้จะไม่จับฝุ่นขนาด 10 ไมครอน หรือ PM10 ดังนั้น เมื่อมีการวัดค่าฝุ่นจึงพบว่าตัวเลขที่ลดลงจะเป็นเพียง PM2.5 เท่านั้น
“สาเหตุที่ทีมงานปฏิบัติการเฉพาะ PM 2.5 เพราะเรารู้ว่าเป็นฝุ่นพิษที่มีสารก่อมะเร็ง และสร้างปัญหาต่อสุขภาพ ส่วน PM 10 นั้น แม้จะมีปัญหาต่อสุขภาพเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับ PM 2.5 ถือว่ามีผลกระทบน้อยกว่า ดังนั้นทีมงานจึงมุ่งเป้าไปที่ PM2.5 เท่านั้น” น.ท.ปิยะ กล่าว
ส่วนแผนปฏิบัติการหลังจากนี้นั้น น.ท.ปิยะ กล่าวว่า จะมีการนำผลเสนอต่อคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป เพราะขณะนี้ยังเป็นเพียงการปฏิบัติการทดลอง และทีมงานได้รับอนุญาตจากบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ให้ปฏิบัติการบินขึ้นพ่นน้ำถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์เท่านั้น หาก กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองเห็นประโยชน์ บีเอซีก็พร้อมร่วมภารกิจนี้ต่อไป เพราะศักยภาพของบีเอซีสามารถดำเนินการได้ถึงวันละ 120 เที่ยวบิน
“ขณะที่ทำการทดลองนี้ ใช้เครื่องบินเล็กเพียง 8 ลำ ดำเนินการในพื้นที่ 16 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) แต่เรามีศักยภาพมากกว่านั้น สามารถใช้เครื่องบินเล็ก 30 ลำ บินได้สูงสุด 120 เที่ยวบินต่อวัน เฉลี่ยลำละ 4 เที่ยวบินต่อวัน เที่ยวละ 30 นาที
อย่างไรก็ตาม หากจะให้ดำเนินการต่อ สิ่งที่จะต้องพิจารณาเร่งด่วน คือ ต้องมีคณะทำงาน และการสั่งการที่ชัดเจนเพื่อให้การปฏิบัติการได้ประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากพบว่าในการลดฝุ่น PM2.5 ให้ได้ผลดี จะต้องทำงานร่วมกันระหว่างบนท้องฟ้าและภาคพื้นดิน โดยทันทีที่มีการพ่นละอองน้ำจับฝุ่น PM2.5 ลงสู่พื้นดินแล้ว จะต้องมีหน่วยงานที่ฉีดล้างพื้นที่เพื่อให้ PM2.5 ลงท่อระบายน้ำทันที หากไม่ดำเนินการควบคู่กันไป การพ่นละอองน้ำจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ดังนั้นต้องมีเจ้าภาพชัดเจนเพื่อกำหนดจุด และปฏิบัติการร่วมกัน” น.ท.ปิยะ กล่าว
ที่มา : มติชนออนไลน์
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

https://www.thaiquote.org/content/64699