นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ว่าที่ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ยังคงลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ไปยังตำบลหนองหญ้าป้อง จังหวัดสุโขทัย เพื่อพบปะประชาชน และเดินหน้าเรียกคะแนนนิยม ซึ่งแต่ละจุดที่ลงพื้นที่ มีประชาชนกว่า 1,000 คนให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ยังได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร เขต 2 นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง
ด้านนายสมศักดิ์ ขึ้นเวทีปราศรัย ย้ำว่า จะต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ครอบคลุม รวมถึงนโยบายของพรรค ได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกร โดยเฉพาะราคาข้าว นอกจากนี้ ยังสนับสนุนอาชีพเสริมด้วยนโยบายโคบาลประชารัฐ พร้อมเดินหน้านโยบาย สปก. และการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปีไม่มีดอกเบี้ย
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องว่า การโจมตีเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะคนที่โจมตีจำนวนมากจะเป็นพรรคที่ไม่มีคะแนนเสียง ซึ่งชี้ได้ว่าคนที่โจมตีตกใจกับคะแนนที่ไม่มี และจากการลงพื้นที่ภาคเหนือมั่นใจว่า เขตภาคเหนือจะไม่ผิดเพี้ยน และที่พรรคอื่นออกมาพูดว่าจะได้ส.ส.ภาคเหนือ 40-50 คนนั้นเป็นการพูดเท็จ เพราะพรรคพลังประชารัฐจะได้ส.ส.ภาคเหนือจำนวนมาก จากผลงานที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น และยิ่งนำเสนอนโยบายที่ชัดเจนทั้งหมดในวันที่ 2 ก.พ.ด้วยแล้ว เชื่อว่าคะแนนนิยมจะดีขึ้น รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็น่าจะรีบตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเร็วขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า “ผู้สมัครที่ไม่คิดว่าจะเข้ามาชิงคะแนนได้ แต่วันนี้กลับสามารถชิงพื้นที่ได้ จากการทำงานตามยุทธศาตร์ภาคเหนือ จากเดิมโพลที่สำรวจภาคเหนือจะได้ส.ส.ประมาณ 30 คน แต่วันนี้มั่นใจว่าดีกว่าเดิม และเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะแค่ภาคเหนือยังนำขนาดนี้ ส่วนหลังจากพรรคมีมติเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคนั้น ยืนยันว่าประชาชนสนับสนุนเต็มที่ เพราะจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เวทีภาคเหนือตอนล่าง ประชาชนทุกคนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง”
ขณะที่ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มาเกือบ 6 เดือน พบประชาชน 17 จังหวัด ทำให้มีข้อมูลเพื่อนำมาแก้ไขปรับยุทธศาสตร์การหาเสียง ทำให้กระแสตอบรับพรรคพลังประชารัฐดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเดิมภาคเหนือเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย แต่จากการเดินทางไปปราศรัยหลายจังหวัด ได้เห็นกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ส่วนที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยมีผลกระทบต่อการหาเสียงหรือไม่นั้น ยืนยันว่ากระแสตอนแรกถูกโจมตีในขณะลงพื้นที่ แต่ส่วนตัวไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณพรรคใด ซึ่งมีแต่หลายพรรคที่เป็นหนี้บุญคุณตนเองโดยที่ไม่เคยไปรับตำแหน่งใคร ดังนั้นคำว่า หักหลังคงมาใช้กับตนไม่ได้
ร.อ.ธรรมมนัส กล่าวอีกว่า “ประชาชนภาคเหนือ ไม่ต้องการเห็นคนไทยทะเลาะกัน ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกพล.อ.ประยุทธ์ว่า “พ่อตู่” เพราะทำให้เห็นว่านโยบายหลายเรื่องจับต้องได้ และได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งสะท้อนว่ากระแสตอบรับพรรคพลังประชารัฐเป็นไปในทิศทางบวก ยืนยันว่าไม่เคยวิตกที่ถูกโจมตีว่าหักหลัง นอกจากนี้ มั่นใจว่าภาคเหนือตอนบนจาก 31 เขต พรรคพลังประชารัฐ มีโอกาส 18-20 เขต เพราะจากการลงพื้นที่ ประชาชนต้องการเปลี่ยนและเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล รวมถึงประชาชนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ จะทำให้มีความมั่นคงของรัฐ และก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยส่วนตัวเชื่อว่าคนเหนือเลือกพล.อ.ประยุทธ์”