เปิดนโยบาย พปชร. 7-7-7 “อุตตม” ลั่น ทำได้จริง ไม่ขายฝัน

เปิดนโยบาย พปชร. 7-7-7 “อุตตม” ลั่น ทำได้จริง ไม่ขายฝัน


อุตตม ประกาศนโยบายพลังประชารัฐ เผยสูตร “7-7-7”ทำได้จริงไม่ขายฝัน เผยยังไม่ทาบใครเป็นนายกฯ แต่แย้มอาจมีชื่อ”สมคิด” ติดโผมาด้วย ย้ำถึงเวลาเห็นชื่อ เฮทั้งประเทศแน่นอน

พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 24 มกราคม 2562 – นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พรรคจะอาสาพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย จะเป็นประชาธิปไตยเป็นของทุกฝ่าย ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง จากนี้สังคมไทยต้องเป็นสังคมสงบสุขอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ พรรคมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งบุคลากรที่รวมตัวกันจากหลายฝ่าย ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีประสบการณ์ รวมตัวกับคนนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยความคิด และพร้อมทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดย พปชร. ได้เปิด 7-7-7 นโยบาย ซึ่งตั้งอยู่บน 3 พันธกิจหลัก คือ 7 สวัสดิการประชารัฐ 7 สังคมประชารัฐ และ 7 เศรษฐกิจประชารัฐ

สำหรับ สวัสดิการประชารัฐ 7 เรื่อง อาทิ การต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขยายผลสู่บัตรประชารัฐ ไปสู่ผู้มีรายได้น้อย เน้นให้ความสำคัญ 4 กลุ่มเป้าหมาย คือ คนสูงวัย คนพิการ สตรี และผู้ใช้แรงงาน รวมไปถึงกลุ่มที่จะต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อปลดหนี้ เช่น ชาวนา แรงงาน ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ นักศึกษา โดยคาดว่าจะปลดหนี้ชาวนา และกลุ่มแรงงานได้ในเวลา 5 ปี

นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านล้านหลัง สิทธิ์ที่ดินทำกิน หลักประกันสังคมถ้วนหน้า เช่น หลักประกันการศึกษาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน หลักประกันรายได้ ทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์การขจัดความเหลื่อมล้ำแบบเบ็ดเสร็จ

ด้าน 7 สังคมประชารัฐ พรรคเชื่อว่าสังคมประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ 1.กระจายอำนาจ 2.กระจายโอกาส 3.กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น โครงการอีอีซี ที่เราทดสอบในรัฐบาลชุดนี้ และจะกระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น อีอีซี, อีสาน 4.0, ล้านนา, 4.0 และด้ามขวาน 4.0 รวมไปถึงสร้างเมืองน่าอยู่, สังคมประชารัฐสีขาว ปลอดโลก ปลอดภัย ปลอดยา ปลอดฝุ่น ปลอดควัน ตลอดจน Bangkok 5.0 ด้าน

ในส่วนของ 7 เศรษฐกิจประชารัฐ โจทย์ใหญ่คือ สร้างความสามารถของคน สร้างกองทัพสตาร์ทอัพให้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้า 5 ล้าน สมาร์ทเอสเอ็มอี, 1 ล้าน สมาร์ทฟาร์มเมอร์, 1 ล้านสตาร์ทอัพ, 1 ล้าน เมกเกอร์, และ 1 ล้าน ร้านค้าปลีกชุมชน ที่จะทำอย่างไรให้เป็นโชห่วย 4.0 สำหรับ นโยบาย 7-7-7 เป็นนโยบายไม่ได้คิดเอง ทำเอง แต่เราลงไปในพื้นที่ เพื่อไปเอาข้อมูลมา ซึ่งไม่เคยถูกเติมเต็ม มาประมวลแล้วออกมาเป็นนโยบาย

“หลายคนอาจมีคำถามว่านโยบายของพรรคเป็นการต่อยอดรัฐบาลใช่หรือไม่ ตนมองว่า เราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน สิ่งไหนที่ดีเราต่อยอด สิ่งใหม่เรามีแน่นอน โดยเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราต่อยอดแน่นอนถ้าเลือกเราร่วมรัฐบาล จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการ เกษตร ที่ทำกิน ที่จะต้องมาจัดหากัน เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย โดยทุกนโยบายจะต้องมีการกำหนดงบประมาณที่ชัดเจน และผมขอยืนยันว่าเราทำได้จริง ไม่ขายฝัน ด้วยมาตรการที่ยั่งยืน”

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่พรรคจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องมีการประชุมหารือของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อรวบรวมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในแต่ละพื้นที่ว่าต้องการใครก่อน เช่นเดียวกันเรื่องอื่นๆที่เรารับฟังจากประชาชนจากในพื้นที่มาโดยตลอด โดยเรื่องจุดยืนการก้าวข้ามขัดแย้ง เป็นจุดยืนชัดเจน ถ้าสังคมไทยไม่สงบสุข พรรคพลังประชารัฐถือว่าไปต่อไม่ได้ โดยถือเป็นหน้าที่สำคัญของเรา พรรคพร้อมที่จะเสนอผู้ที่ประชาชนเห็นว่าน่าจะเป็นผู้ที่นำพาประเทศต่อไป โดยพรรคจะเปิดเผยรายชื่อให้ประชาชนได้พิจารณาในตัวบุคคลที่พรรคเสนอต่อไป

แง้มชื่อ “สมคิด”โผล่เสนอเป็นนายกฯ

โดยหลังจากแถลงแนวนโยบายพรรคพลังประชารัฐเสร็จสิ้น นายอุตตม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องจะเสนอชื่อใครในนามพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่ได้ทาบทามใครอย่างเป็นทางการ แต่รับรองว่าเมื่อเปิดเผยชื่อทั้งประเทศจะต้องเฮด้วยความพึงพอใจอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ภายในพรรคได้เริ่มกระบวนการหารือผู้ที่จะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และคาดว่าจะได้ข้อยุติว่าใครเหมาะสมจะถูกเสนอชื่อในเร็วๆ นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ในขั้นตอนมีอยู่ แต่ต้องให้เกียรติทุกคนด้วยเพราะเรายังไม่ได้ทาบทามใครอย่างเป็นทางการ

“ส่วนที่ว่าหากมีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วสังคมมองว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่นั้น ย้ำว่าไม่ใช่การสืบทอดอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครสั่งการใครได้ เช่นเดียวกับนโยบายพรรคพลังประชารัฐที่มีบางส่วนคล้ายกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็ยอมรับ แต่นโยบายทั้งหมดมาจากความต้องการของประชาชน ส่วนผมกับอีก 3 รัฐมนตรีจะลาออกตอนไหนนั้น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะลาออกเอง” นายอุตตม กล่าวทิ้งท้าย