หากเอ่ยถึงกูรูฟุตบอลไทย “ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน” หรือ “โค้ชหรั่ง” คงเป็นชื่อแรก ๆที่ถูกกล่าวถึง ด้วยผลงานลือเลื่องทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะการพาทีมเยาวชน 17 ปีของไทยไปเล่นฟุตบอลเยาวชนโลกเป็นครั้งแรกที่อียิปต์ในปี 1997 เป็นอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เคยพาทีมสโมสรธนาคารกสิกรไทยคว้าแชมป์ฟุตบอลเอเชียนแชมเปียนส์คัพ (ฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์เอเชีย) หรือปัจจุบันคือเอเอฟซีแชมเปี้ยนลีก สองสมัยติดต่อกัน คือในปี 1993 และ 1994 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของเอเชียประจำปี 1994 เป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับรางวัลดังกล่าว เป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังพาบอลหญิงทีมชาติไทยเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศแคนาดา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
โค้ชหรั่งสะท้อนให้เห็นว่า ฟุตบอลสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคง ไม่ต่างจากอาชีพหมอหรือวิศวกรรม เพียงแต่ต้องเปลี่ยนทัศนคติของสังคม เพื่อสร้างซูเปอร์สตาร์อย่าง เปเล่, มาราโดน่า หรือ เมสซี นั่นคือคำถามว่า แล้วเราจะสร้าง “เมสซี” อินไทยแลนด์ ได้อย่างไร?
โค้ชหรั่งกล่าวว่า การก้าวไปสู่ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกต้องเริ่มจากทัศนคติ โดยเฉพาะทัศนคติของผู้ปกครองที่ไม่ต้องการให้ลูกเล่นฟุตบอลมากกว่าการเรียนให้จบปริญญา
“ถามว่าเมสซีจบอะไร ถ้าเก่งทางด้านนี้และเห็นอาชีพชัดเจน เราวางเป้าหมายเลยว่าต้องติดทีมชาติ ติด 1 ในอาเซียน 1 ในเอเชีย และ 1 ในโลก การพัฒนาไปสู่นานาชาติก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลายคนบอกว่าเราตัวเล็ก แต่เมสซีตัวจริงก็ไม่ใหญ่มาก แต่ทำไมถึงเป็นซูเปอร์สตาร์ได้” โค้ชหรั่งสะท้อนแนวคิด
เมสซีเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาได้ค้นพบแนวโน้มที่ดีของเขา พร้อมเสนอการรักษาภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้กับเมสซีอีกด้วย นั่นคือสาเหตุให้ครอบครัวเมสซีตัดสินใจพาเขาออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี 2000 อพยพไปอยู่ยุโรป เมสซีเปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล 2004–2005 ทำลายสถิติทีมด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีก เกียรติประวัติในฤดูกาลแรกของเขาคือชนะการแข่งขันในลาลีกา และชนะครั้งที่ 2 ในลีก รวมถึงในแชมเปียนส์ลีกปี 2006 ฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาคือฤดูกาล 2006–2007 เป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว จบฤดูกาลด้วยการยิง 14 ประตู ใน 26 เกมลีก ฤดูกาล 2009–2010 เมสซียิง 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของรอนัลดีนโยที่เคยทำให้กับบาร์เซโลนา แต่เขาก็ทำลายสถิตินี้ในฤดูกาล 2010–2011 กับ 53 ประตูในทุกการแข่งขัน
โค้ชหรั่ง ยืนยันว่าอาชีพนักฟุตบอลสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับชีวิตได้ เมื่อก่อนเรายึดติดว่าคนเก่งต้องเรียนหมอ วิศวกรรม แต่ปัจจุบันนักกีฬาเก่งจริง ๆสามารถสร้างรายได้ไม่แพ้กัน ถ้าเก่งจริงไม่ต้องกังวล ลุยไปเลย เรียนพื้นฐานจบมัธยมปลาย ถ้ากลัวก็ลงทะเบียนมหาวิทยาลัยเอกชนไว้ บรรลุเป้าหมายแล้วกลับมาเรียนก็ทัน ถ้าได้เล่นระดับเอเชีย ระดับโลก จะได้รับการยอมรับยิ่งกว่าจบศาสตราจารย์เสียอีก นี่ไม่ใช่แค่เกียรตินิยมอันดับ 1 แต่เป็นระดับเอ็กเซลเลนซ์
“ตัวผมก็เหมือนกัน โอกาสเรียนน้อย เรียนแค่ประคองให้จบ แต่มาเอาเกียรตินิยมทางการเล่นฟุตบอล เกียรติประวัติการเรียนผมไม่เอ็กเซลเลนซ์ แต่การทำฟุตบอลต้องเอ็กเซลเลนซ์ นี่คือปรัชญาของผม เราจะพัฒนาเด็กไปสู่ระดับโลกได้แน่นอน ถ้าเราสร้างโอกาสให้กับเขา” โค้ชหรั่ง กล่าว
นอกจากจะเป็นโค้ชที่มีความสามารถรอบด้าน ความคิดยังหล่อไม่แพ้ใบหน้า สรุปคือเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนชีวิต…อยากเป็นซูเปอร์สตาร์ ต้องกล้าแลก!!!
ขอบคุณรูปภาพจาก soccersuck.com