“ลุงตู่” ชูระบบขนส่งมวลชนฐานรากประเทศ

“ลุงตู่” ชูระบบขนส่งมวลชนฐานรากประเทศ


ประเด็นก็คือ สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการโดยการปฏิรูปประเทศและวางแผนยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะเวลา
20 ปี โดยระยะแรกคือการกำหนดยุทธศาตร์ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่
12 เพื่อเป็นการปูแนวทางการพัฒนาประเทศในกับรัฐบาลในอนาคต

               ถัดมาเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ที่จะต้องเริ่มต้นจากการสร้างรายได้ให้กับประชาชน การเริ่มต้นจากการสร้างความเข้มแข็งภายในชาติ
ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศในกลุ่ม
CMLV ประเทศในกลุ่มอาเซียน
และตลาดโลก

               ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศนั้นคือ
การสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานด้านการคมนาคมระบบขนส่งมวลชนให้เกิดความสมบูรณ์ขึ้น
โดยเริ่มจากระบบราง การเชื่อมโยงรถไฟ- 
รถไฟฟ้า รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า รถรางไฟฟ้าล้อยางเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการจราจร  วางโครงสร้างพื้นฐานการจัดระเบียบวางผังเมือง
การขยายเมืองสร้างสังคมเมืองใหม่ขึ้น ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ในระยะยาวรวมถึงการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนระหว่างกรุงเทพ
หัวเมืองต่างๆ  และระบบบริการสาธารณะที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชน
ทั้งที่จอดรถ ที่พักคอย อาทินโยบายการสร้างที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งอาจจะให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนร่วมด้วยเพื่อลดภาระของรัฐบาล

               ขณะที่โครงการรถไฟฟ้า
10 เส้นทางในกทม.กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างมีบางส่วนที่แล้วเสร็จแล้วอย่างโครงการสายสีม่วงบางใหญ่
เตาปูน จะเปิดให้บริการได้ในเดือน ส.ค. 59 นี้ ส่วนโครงการอื่นๆ จะทยอยแล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่กทม.ได้เสร็จสมบูรณ์ใน
สิ้นปี 63

              ส่วนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่กว่า
4,000 ก.ม. จะต้องมีการสร้างโดยเฉพาะในเส้นทางสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการขนส่งสินค้าขนาดหนัก  เพื่อสะดวกในการขนส่งคนระหว่างเมือง มี 2 เส้นทาง โดยเส้นทางที่จะเริ่มก่อสร้างในเดือน ธันวา 58  ถึงต้นปี 59 ได้แก่ ช่วงฉะเชิงเทรา คลอง 19 – แก่งคอย คาดว่าแล้วเสร็จปี 61 และช่วงชุมทางถนนจิระ
ขอนแก่น แล้วเสร็จปี 62  กับอีก 4 เส้นทาง
ที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงาน
EIA คือ
ช่วงประจวบคิรีขันธ์
ชุมพร, มาบกะเบา
ชุมทางถนนจิระ, นครปฐม หัวหิน ,ลพบุรี ปากน้ำโพ จากนั้นก็จะนำเสนอ ครม.
เมื่อผ่านการทำประชาพิจารณ์แล้ว ให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป

              นอกจากนี้ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง
ในความร่วมมือไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ
แก่งคอย จะให้บริการขนส่งผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว
และ ส่วนช่วงหนองคาย
นครราชสีมา, นครราชสีมา
แก่งคอย และแก่งคอย มาบตาพุด
บริเวณท่าเรือ/นิคมอุตสาหกรรม จะให้บริการขนส่งทั้งประชาชนและสินค้าด้วย  

              เรื่องที่
2 โครงการความร่วมมือรถไฟไทย ญี่ปุ่น ระยะทางรวม 672 กิโลเมตร ช่วง กรุงเทพฯ เชียงใหม่  อยู่ระหว่างทำการศึกษาโครงการ
คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จ ในเดือน มิ.ย.
59

               เรื่องที่
3 โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงทุนร่วม
กับภาคเอกชน หรือ
PPP Fast Track จำนวน 2 โครงการ 2 เส้นทาง คือ ช่วงกรุงเทพฯ หัวหิน 211 กิโลเมตร และ กรุงเทพฯ พัทยา ระยอง 193 กิโลเมตร

               เรื่องต่อไปคือเรื่องโครงการพัฒนารถไฟฟ้าคือ
รถที่ใช้แบตเตอรี่เป็นรถไฟฟ้าเพื่ออนาคตซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการศึกษาค้นคว้าวิจัยถึง
โอกาสในการพัฒนาส่วนประกอบต่างๆก่อน  และการจัดหารถโดยสารไฟฟ้า
500 คัน มาใช้ในส่วนของ ขสมก. ซึ่งอาจเป็นการเช่าก่อน 200 คัน คาดว่าจะได้รับรถในปี 60

               อันดับต่อไปคือเรื่องการออกแบบสถานีต่างๆ
 ซึ่งควรเป็น
อารยสถาปัตย์ และคำนึงถึงการรองรับการเดินทางของผู้พิการ
ผู้ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิต ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น
ตำรวจ-ทหารผ่านศึก สตรีมีครรภ์ และเด็กเล็กด้วย

               ถัดมาที่โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
จำนวน
3
เส้นทาง ได้แก่ สายพัทยา มาบตาพุด
สร้างแล้วเสร็จปี
62, สายบางปะอิน นครราชสีมา
ลงนามสัญญาก่อสร้าง เม.ย.
59  แล้วเสร็จปี 63 และ สายบางใหญ่ กาญจนบุรี จะลงนามสัญญาก่อสร้าง ก.ค. 59  และกำหนดเสร็จปี 63 เช่นกัน

              นอกจากนี้ในระหว่างวันที่
14

18 ก.พ. นายกฯจะมีภารกิจเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ
อาเซียน
สหรัฐฯ 
สมัยพิเศษ ณ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

               สุดท้ายนายกฯยังได้ฝากถึงวัยรุ่นและเยาวชนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซึ่งเป็น
วันแห่งความรักว่าขอให้ระมัดระวังตัวเอง
ผู้หญิงต้องระวังตัว มีคุณค่า ส่วนผู้ชายก็ต้องให้เกียรติผู้หญิง พร้อมย้ำขอให้
รู้ รัก สามัคคี