พื้นที่อีสานที่กีฬาสีแดง-เหลือง-น้ำเงิน เบาบางกว่าจุดอื่น
แต่ก็ไม่ได้ปลอดจากการเมืองไปซะเลย ตามเสียงที่นายวิฑูรย์ นามบุตร
อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สายอีสาน โวยวายใส่ข้าราชการฐานที่ไม่ยอมใส่โปรแกรมให้นายกฯเดินทางไปในอำเภอที่อ้างว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นและกลุ่มประชาชนรอยื่นเรื่องร้องเรียน
ฟ้องให้ผู้นำประเทศจัดการปัญหาโรงงานเอกชนทิ้งน้ำเสียลงแหล่งน้ำสาธารณะ โรงโม่หินรุกที่ ส.ป.ก. ไปยันการสร้างถนนกรมทางหลวงไม่ได้มาตรฐาน
ตามสถานการณ์โยงต่อเนื่องกับคิวที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพิ่งออกมาเคลียร์ข้อร้องเรียนของนายวัชระ เพชรทอง จอมแฉยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่โยนระเบิดใส่นายศิวะ แสงมณี ที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย ไปเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอกชนที่
ปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะ
โดยที่ พล.อ.อนุพงษ์ระบุเป็นปมมีเบื้องหลัง โยงความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองในพื้นที่
เรื่องของเรื่อง งานนี้ทหารก็รู้ทัน ไม่หลงเข้าเหลี่ยมเกมยืมมือท็อปบูตทุบคู่แข่งจ้องแทรกวาระแฝง แกล้งดิสเครดิตกัน
และตามโปรแกรมอย่างเป็นทางการที่ “เสธ.ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกประจำสำนักนายกฯแถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปลงพื้นที่อำเภอดอนมดแดง เพื่อประเมินผลโครงการต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมผู้มีรายได้น้อย
มุ่งไปที่การดูแลความเป็นอยู่ชาวบ้านมากกว่าปมจุกจิกทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่ล้อกับภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังกระเทือนปากท้อง กระทบความเป็นอยู่ของประชาชนคนระดับล่างที่ฐานรากของประเทศ
แบบที่ล่าสุดที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในโครงการรถเมล์–รถไฟฟรีต่อไปอีก 6 เดือน
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการใช้บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันต่อไปอีก 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
หนีไม่พ้นใช้ “ประชานิยม” ประคองความเดือดร้อนประชาชนไปพลางๆ
ยิ่งสถานการณ์ ณ ห้วงนี้ เห็นได้ชัดว่า รัฐบาล คสช.จะหลีกเลี่ยงการก่อแรงเสียดทาน ไม่กระตุกแรงต่อต้านโดยไม่จำเป็น
อย่างที่เห็น พล.อ.ประยุทธ์เริ่มแบะท่ารับข้อเสนอของ
สปท.ในการปลดล็อกพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรม
อย่างเช่นการประชุมพรรคได้
เจาะช่องระบายแรงกดดัน ไม่ให้นักเลือกตั้งอาชีพอัดอั้นจนเกินไป
และก็เป็นอะไรที่เห็นได้ในอารมณ์ของยักษ์มีกระบองแต่ก็ไม่เลือกหักด้ามพร้าด้วยเข่า
แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวการยุบศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) อุทยานการเรียนรู้ TK PARK และมิวเซียมสยาม
แต่ต้องตรวจสอบการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ
เช่นเดียวกับการแจก “ใบเหลือง” ให้ 7 รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา ขีดเส้นตายให้ส่งแผนแก้ไขปัญหาองค์กรภายในเดือนมีนาคมปีหน้า
ก็ดูจะมีแค่การบินไทยฯ ที่อาการร่อแร่กว่าเพื่อน แนวโน้มขาดทุนหลายหมื่นล้าน
สถานการณ์ลักษณะเดียวกันกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และบอร์ดประกันสังคม ที่มีอำนาจบริหารงบประมาณมหาศาล และมีปัญหาเรื่องการใช้เงินมาตลอด
รัฐบาลทหาร คสช.จำเป็นต้องเบรกความเสียหาย ตัดสินใจโละบอร์ดกันก่อน
แต่นอกนั้นก็แค่ขู่ยุบ ส่งสัญญาณเตือนให้ปรับตัวเปลี่ยนแปลงการบริหาร
ก็อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับตามตรง ไม่อยากทำร้ายใคร
นั่นก็เพราะตามธรรมชาติ ถ้ามีการยุบหน่วยงานใดไป ก็มีแต่คนเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะพวกพนักงาน บุคลากรใน องค์กรที่ต้องตกงาน
หนีไม่ก่อแรงต้านย้อนกลับมาที่รัฐบาล คสช.