เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้จัดการประชุมระหว่างประเทศในหัวข้อ “OECD Competition Peer Review พัฒนาเศรษฐกิจผ่านแนวคิดการแข่งขัน” เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าของไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับกฎหมายและกลไกการแข่งขันให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่การเป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
ความร่วมมือ กขค. – OECD พัฒนากลไกการแข่งขันในไทย
การจัดประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ OECD Thailand Country Programme ระยะที่ 2 โดยมีความร่วมมือระหว่าง กขค. และ OECD เพื่อดำเนินการทบทวนประสิทธิภาพของพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ผ่านกระบวนการ “Peer Review” หรือการพิชญพิจารณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน และข้อเสนอแนะในการพัฒนากฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย
ไมตรี สุเทพากุล ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า กล่าวเปิดงานและกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ขณะที่ Mr. Mathias Cormann เลขาธิการ OECD ได้ปาฐกถาเกี่ยวกับบทบาทของนโยบายการแข่งขันที่มีต่อการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม
“การแข่งขัน” หัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ในโอกาสเดียวกัน พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ปรับการแข่งขัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พลิกชีวิตคนไทย” โดยเน้นว่า การแข่งขันเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีนวัตกรรมและยั่งยืน รัฐบาลไทยตั้งเป้าผลักดันกฎหมายการแข่งขันสู่ระดับสากล เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้ประกอบการทุกราย และเตรียมเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างเต็มรูปแบบ
นายพิชัยยังกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วเติบโตถึง 12.9% พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมเจรจาทางการค้าเพื่อขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ภาษีของประเทศคู่ค้า เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มที่
Peer Review เปิดทางปฏิรูปกฎหมายแข่งขัน
ภายในงานมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในหลายหัวข้อ โดยหนึ่งในช่วงสำคัญคือการนำเสนอผลการศึกษาจากรายงาน Peer Review ของ OECD ซึ่งชี้ให้เห็นถึงจุดที่ควรปรับปรุงใน พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 อาทิ
-
การขยายขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย ให้ครอบคลุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ
-
การควบรวมกิจการ ที่อาจกระทบต่อการแข่งขัน
-
มาตรการผ่อนผันโทษ (Leniency Program) ที่ยังมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติ
-
ปัญหาทรัพยากรบุคลากรและงบประมาณ ของหน่วยงานบังคับใช้
นอกจากนี้ Mr. Peter Crone ตัวแทนจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการแข่งขันทางธุรกิจของออสเตรเลีย ยังได้แบ่งปันประสบการณ์ของประเทศตนในการใช้ Peer Review เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนากฎหมายและสร้างตลาดแข่งขันที่เข้มแข็ง
การแข่งขันที่เป็นธรรม = คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หัวข้ออภิปราย “Competition Efficiency, Quality of Life” ได้เน้นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างเท่าเทียม ไม่เพียงส่งเสริมนวัตกรรมและทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ยังช่วยลดการผูกขาด กระจายรายได้ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่สมดุลมากยิ่งขึ้น
ในช่วงถัดมา หัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของภาคธุรกิจ” ได้ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายการแข่งขันสามารถเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยไม่ถูกรัฐวิสาหกิจหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ครอบงำตลาด
เร่งปราบสินค้าด้อยคุณภาพ – ป้องกันนอมินี
รัฐมนตรีพาณิชย์ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพและบริษัทนอมินี ที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาดังกล่าวร่วมกับ 17 หน่วยงาน ดำเนินคดีแล้วกว่า 29,000 คดี รวมมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท และจับกุมบริษัทนอมินี 852 แห่ง รวมมูลค่าทุนจดทะเบียน 15,188 ล้านบาท

มุ่งยกระดับความเข้าใจ – ความโปร่งใสของการบังคับใช้กฎหมาย
ดร.ปัทมา เธียรวิศิษฎร์สกุล กรรมการ กขค. กล่าวถึงสองประเด็นสำคัญจากการทบทวน Peer Review ที่ไทยต้องให้ความสำคัญ คือ
-
การแปลความและการสื่อสารกฎหมาย ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะการยกเว้นบางกรณี เช่น รัฐวิสาหกิจ หรือกิจกรรมที่จำเป็นต่อความมั่นคง
-
ความโปร่งใสในการตัดสินคดี ซึ่งต้องอาศัยข้อมูล ข้อเท็จจริง และการอธิบายอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน
ผลักดันไทยสู่การเป็นสมาชิก OECD
ผลจากการประชุมครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมพัฒนาทักษะและกระบวนการทำงานของบุคลากร กขค. ให้เท่าทันมาตรฐานสากล อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันไทยให้เป็นสมาชิก OECD ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุน และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นธรรมในระยะยาว


