โตโยต้าเปิดศูนย์ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7 สานต่อแนวคิด TSI สู่ภาคตะวันออก

โตโยต้าเปิดศูนย์ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7 สานต่อแนวคิด TSI สู่ภาคตะวันออก

การเปิดตัวศูนย์การเรียนรู้ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 7 ที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในการส่งเสริมศักยภาพธุรกิจชุมชนผ่านแนวคิด  “ดีเอสไอ เวย์” หรือ “วิถีชุมชนพัฒน์” ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกเสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจที่กลมกลืนกับวิถีชีวิตของชุมชนได้อย่างยั่งยืน

 

จุดเริ่มต้นของ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ กับแนวคิด ดีเอสไอ เวย์

โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เริ่มต้นเมื่อ 11 ปีก่อน จากความมุ่งมั่นของโตโยต้าที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจชุมชนไทย ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิต การบริหารจัดการ และการลดความสูญเปล่าตามแนวทาง “เรียนรู้” ให้สามารถนำไปใช้ในบริบทชุมชนจริง ภายใต้แนวคิด “ดีเอสไอ เวย์” (DSI WAY) ที่ผสานระหว่างปรัชญาโตโยต้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น

ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา โครงการได้สนับสนุนและพัฒนาแล้วกว่า 39 กลุ่มธุรกิจทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความสามารถในการแข่งขัน และวางรากฐานความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนในระยะยาว

 

 

นันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนและยกระดับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศให้สามารถพัฒนากระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยหลักคิดแบบโตโยต้า หรือที่เรียกว่า “DSI WAY” ซึ่งหมายถึงแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแบบฉบับของโตโยต้า

 

“โตโยต้ามีแนวทางทำงานร่วมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ หากพบเห็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพก็จะเข้าไปพูดคุยเพื่อร่วมมือพัฒนาในระดับจังหวัดหรือรายพื้นที่ พร้อมกับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยผลักดันให้โครงการขยายผลและเข้มแข็งยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการพัฒนาแล้วทั้งสิ้น 7 แห่ง ซึ่งล้วนสามารถต่อยอดแนวคิดได้อย่างยั่งยืน และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ได้อย่างเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน”

 

 

วิสาหกิจ “ป้าแกลบ” กับการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในกลุ่มธุรกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จจากการร่วมโครงการ คือ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี” ซึ่งเป็นผู้ผลิตทุเรียนทอดแบรนด์ “ป้าแกลบ” สินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี โดยโตโยต้าได้เข้าไปให้คำปรึกษาและแนะนำการปรับปรุงตั้งแต่ปี 2565 ผ่านการศึกษากระบวนการผลิตจริง ค้นหาความสูญเปล่า และพัฒนาวิธีการทำงานที่เหมาะสมใน 5 ด้านหลัก ได้แก่

 

1.ปรับปรุงกระบวนการคัดแยกเกรดและผ่าแยกเปลือกทุเรียนดิบ


จากเดิมที่เคยประสบปัญหาการคัดแยกเกรดทุเรียน เนื่องจากมีปริมาณมากและมีหลายเกรดวางปะปนกัน จนทำให้พนักงานไม่สามารถแยกลำดับความสุกและลำดับการนำไปผ่าก่อน-หลังได้ จนทำให้มีจำนวนทุเรียนตกค้างเนื่องจากสุกเกินกว่าจะนำไปผ่าเพื่อทอดเป็นทุเรียนทอด ถือเป็นความสูญเปล่าด้านวัตถุดิบ ทางโตโยต้าแนะนำการใช้เข่งแยกสีสำหรับแต่ละเกรด พร้อมกำหนดจุดวางให้ชัดเจน ทำให้พนักงานสามารถเรียงลำดับการผ่าทุเรียนได้อย่างถูกต้อง ลดของเสียได้ถึง 70% และช่วยลดต้นทุนกว่า 480,000 บาทต่อปี

 

2.ปรับปรุงกระบวนการผ่าแยกทุเรียนไปจนถึงกระบวนการสไลซ์แผ่นทุเรียน


จากเดิมที่พนักงานต้องยกเข่งทุเรียนเอง ทำให้เสียเวลากว่า 160 นาทีต่อวัน โตโยต้าจึงปรับผังการทำงานให้ต่อเนื่อง (Continuous Flow) และใช้รางเลื่อนแบบไม่ใช้พลังงาน คาราคุริ (Karakuri)  ซึ่งเป็นแนวคิดจากประเทศญี่ปุ่นที่ใช้กลไกพื้นฐานอย่างง่าย เช่น แรงโน้มถ่วงหรือสปริง โดยไม่พึ่งพาพลังงานไฟฟ้าหรือระบบควบคุมที่ซับซ้อน มาช่วยลดเวลาเดินลง 100% และเพิ่มผลผลิตต่อคน 49% จาก 68 เป็น 102 กิโลกรัม/ชั่วโมง

รางเลื่อนคาราคุริ ไม่ใช้พลังงาน

 

3.ปรับปรุงกระบวนการคัดเกรดทุเรียนหลังการทอด


เดิมใช้แรงงานคนในการร่อนคัดเกรดหลังการทอด ซึ่งใช้คนมากและใช้เวลานาน โตโยต้าได้ออกแบบเครื่องร่อนแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเพิ่มปริมาณการร่อนมากขึ้นถึง 4 เท่า และลดภาระพนักงาน

เครื่องร่อนคัดเกรดทุเรียน ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนกำลังคน

 

4.ปรับปรุงกระบวนการสต็อกทุเรียนก่อนและหลังการอบ


จากเดิมที่เคยประสบปัญหาเรื่องทุเรียนในสต็อกมีหลายเกรดวางปะปนกัน พนักงานไม่ทราบว่าในสต็อกมีทุเรียนแต่ละเกรดจำนวนเท่าไร จะใช้หมดเมื่อไร และจำเป็นต้องเติมสต็อกเมื่อไร ทำให้เสียเวลามากในการค้นหา โตโยต้าปรับผังจัดเก็บใหม่ พร้อมติดป้ายชัดเจน ใช้แนวคิด Just in Time และระบบ First In First Out (FIFO) ทำให้ลดเวลาค้นหาสินค้าได้ 7% และควบคุมปริมาณสต็อกได้แม่นยำขึ้น

 

5.ปรับปรุงการวางแผนการบรรจุและการส่งมอบ


จากปัญหาออเดอร์ตกหล่นและล่าช้า โตโยต้าแนะนำให้ใช้วิชวล คอนโทรล บอร์ด (Visual Control Board) แสดงใบออเดอร์ตามลำดับการรับงาน ทำให้พนักงานเห็นภาพรวมของงาน ส่งของตรงเวลาได้ 100% และติดตามความคืบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ไม่เกิดสินค้าตกค้างจากออเดอร์ตกหล่นหรือหลงลืม 

วิชวล คอนโทรล บอร์ด แสดงใบออเดอร์

 

วรรณี บุญสวัสดิ์ ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี เปิดเผยว่า หลังจากปรับเปลี่ยนวิธีทำงานตามแนวทางของโตโยต้า ทุกคนทำงานได้สบายขึ้น เหนื่อยน้อยลง ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น พร้อมกับความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ป้าปรารถนาที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์นี้ไปสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่อื่น ๆ และหวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะให้การสนับสนุนโดยแนะนำให้เข้ามาเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เพื่อขยายผลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

“เราไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลยแม้แต่น้อย แค่ปรับวิธีคิด ปรับขั้นตอน เราก็เหนื่อยน้อยลง ทำงานมีความสุขขึ้น ผลผลิตก็มากขึ้น”

 

สุรดา บุญสวัสดิ์ รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรี กล่าวว่าก่อนที่โตโยต้าจะเข้ามาให้คำแนะนำ กระบวนการทำงานของกลุ่มยังมีขั้นตอนซ้ำซ้อน ต้องยกและขนวัตถุดิบไปมาอยู่หลายรอบ ทำให้เหนื่อยและเสียเวลา เมื่อได้รับคำแนะนำให้นำ ระบบรางเลื่อนคาราคุริ มาใช้ ก็สามารถลดขั้นตอนการขนย้ายลงได้มาก ไม่ต้องยกของไป-กลับซ้ำ ๆ ช่วยลดความเมื่อยล้า ประหยัดแรง และเวลา โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม พร้อมกันนี้ยังสามารถส่งต่อแนวคิดดังกล่าวไปยังชุมชนอื่น ๆ ได้อีกด้วย

 “จากที่เคยต้องยกของวนไปวนมา พอมีรางเลื่อนช่วย ก็ประหยัดแรงมากๆ สิ่งที่ได้มาไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือความสุขของคนในกลุ่ม”