ข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงและกุ้งขาวทั่วประเทศ เมื่อกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินโครงการสำคัญที่สร้างประโยชน์ให้แก่เกษตรกรโดยตรง ด้วยการจับมือกับผู้บริหารห้างแม็คโคร และโลตัส เพื่อเชื่อมโยงผลผลิตจากบ่อเลี้ยงสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งไม่เพียงช่วยระบายผลผลิต แต่ยังสร้างรายได้ที่เป็นธรรมและยั่งยืน
โครงการ “แม็คโคร – โลตัส เคียงข้างเกษตรกรไทย” นี้ มุ่งแก้ปัญหาเรื่องราคาและช่องทางจำหน่ายที่เป็นเรื่องน่ากังวล โดยได้เข้าไปรับซื้อผลผลิตถึงบ่อเลี้ยงโดยตรง ทำให้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาราคาตกต่ำหรือการถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง
เงินเข้ากระเป๋าเกษตรกรทันที กว่า 430 ล้านบาท จาก “ปลากะพง”
ตั้งแต่ต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน โครงการได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการรับซื้อ ปลากะพง จากเกษตรกรใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ ปัตตานี สงขลา และนครสวรรค์ โดยมีปริมาณการรับซื้อรวมแล้วกว่า 3,200 ตัน ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้รวม กว่า 430 ล้านบาท เข้ากระเป๋าทันที การเชื่อมโยงโดยตรงนี้ทำให้ปลากะพงจากบ่อเกษตรกรถูกส่งต่อไปยังห้างแม็คโครและโลตัสกว่า 170 สาขาทั่วประเทศ ช่วยให้สินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและคงความสดใหม่ นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ลงพื้นที่ติดตามและปล่อยคาราวานรับซื้อปลากะพงที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะดูแลเกษตรกรให้มีรายได้ที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต
ขยายผลสู่ “กุ้งขาว” เพิ่มโอกาสกว่า 5,450 ตัน
นอกจากปลากะพงแล้ว กรมการค้าภายในยังขยายความช่วยเหลือไปยังกลุ่มผู้เลี้ยง กุ้งขาวแวนนาไม ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก เพื่อให้คลายความกังวลเรื่องราคาและตลาดรองรับ กรมฯ ได้ขยายระยะเวลาโครงการส่งเสริมการรณรงค์บริโภคสินค้ากุ้ง ปี 2567 ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 โดยให้การสนับสนุนค่าบริหารจัดการด้านผลผลิตและค่าบริหารจัดการด้านการตลาดสูงสุดกิโลกรัมละ 22 บาท ครอบคลุมแหล่งผลิตกุ้งทั่วประเทศถึง 30 จังหวัด ด้วยเป้าหมายปริมาณรับซื้อกว่า 5,450 ตัน
ในระยะต่อไป กรมการค้าภายในยังมีแผนที่จะเชื่อมโยงกุ้งนำร่องไปยัง 10 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและกระจายผลผลิตกุ้งขาวไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โมเดลแห่งความยั่งยืน
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้าง ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ให้กับภาคเกษตรกรรมของไทย โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นคือการสร้าง ช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงและราคาที่เป็นธรรม ให้กับเกษตรกรผู้ผลิต ทำให้พวกเขามีกำลังใจในการประกอบอาชีพ และมีความมั่นคงในชีวิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และสอดคล้องกับหลักการ ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยเฉพาะมิติของ “สังคม” (Social) ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทาน
อ่านข่าวเพิ่มเติม :


