จากที่เคยครองอันดับหนึ่งส่งออกทุเรียนไปจีนอย่างมั่นคง ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตใหญ่ ส่วนแบ่งทุเรียนไทยในตลาดจีน ร่วง 11% หลังโดนเวียดนาม ‘สวมสิทธิ์’ ส่งออก ขณะที่จีนบุกรุกป่าสงวนไทยปลูกเอง อาจทำให้สูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดมูลค่าถึง 4 หมื่นล้านบาท
ไม่ใช่แค่คู่แข่งภายนอกที่รุกรานเข้ามา แต่ยังมีปัญหาภายในที่ทวีความรุนแรง – ตั้งแต่การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อขยายไร่ทุเรียนอย่างผิดกฎหมาย ไปจนถึงการปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
สัญญาณเตือนจากตัวเลข
สถิติที่น่าตกใจ ส่วนแบ่งตลาดทุเรียนไทยในจีนร่วงลงจาก 68% ในปี 2566 เหลือเพียง 57% ในปี 2567 ในขณะที่เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยปริมาณส่งออก 32,750 ตัน มูลค่า 161 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขที่ซ่อนเรื่องราว
- เวียดนาม : มูลค่าส่งออกทุเรียนสูงถึง 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567
- ไทย : ยังครองตำแหน่งแชมป์ส่งออกทุเรียนโดยรวม แต่ส่วนแบ่งตลาดจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง
- ทุเรียนจีน : ทั้งพันธุ์ไหหลำและกวางตุ้งเพิ่มผลผลิต 4 เท่าใน 1 ปี

Cr. ภาพ : konnakhon.com
การบุกรุกป่าสงวนไทยเพื่อปลูกทุเรียนของทุนจีน
ปรากฏการณ์ “นอมินีจีน” กับการบุกรุกป่าสงวนไทยปลูกทุเรียน หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่กำลังคุกคามอุตสาหกรรมทุเรียนไทยคือ การที่นักลงทุนจีนใช้นอมินีไทยซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนเพื่อขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก
ผลกระทบที่ตามมา
- ระบบนิเวศถูกทำลาย การตัดต้นไม้เพื่อเปิดพื้นที่ปลูกทุเรียนส่งผลต่อสมดุลธรรมชาติ
- ปัญหากฎหมาย การใช้นอมินีซื้อที่ดินผิดกฎหมาย สร้างความเสี่ยงต่อระบบการถือครองที่ดิน
- ความยั่งยืน การขยายตัวแบบไม่ยั่งยืนทำให้คุณภาพดินเสื่อมโทรม

เสียงเตือนจากนักวิชาการ
“การขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนแบบไม่มีแผนจะส่งผลเสียต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม และอาจทำให้ไทยสูญเสียความได้เปรียบในด้านคุณภาพ” นักวิชาการด้านเกษตรกรรม กล่าว
การปลอมแปลงจากเวียดนาม – เมื่อทุเรียนเวียดนามสวมหน้ากากไทย
กลยุทธ์ “สวมสิทธิ์” ที่คุกคามตลาด
ปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่งคือการที่ผู้ส่งออกเวียดนามนำทุเรียนของตนเองมาปนกับทุเรียนไทย หรือแม้กระทั่งปลอมแปลงแหล่งกำเนิดเพื่อส่งออกไปยังตลาดจีนในราคาที่สูงกว่า
วิธีการที่พบ
- การผสมผสาน : นำทุเรียนเวียดนามมาปนกับทุเรียนไทยในสัดส่วนต่างๆ
- การปลอมแปลงเอกสาร : ใช้เอกสารส่งออกที่ระบุแหล่งกำเนิดเป็นไทย
- การขนส่งผ่านแดน : ส่งทุเรียนเวียดนามผ่านไทยเพื่อให้ดูเป็นสินค้าไทย

ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ
การปลอมแปลงนี้ไม่เพียงทำให้ตลาดปั่นป่วน แต่ยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ทุเรียนไทยในระยะยาว เมื่อผู้บริโภคจีนได้รับสินค้าที่คุณภาพไม่ตรงตามความคาดหวัง
.
สงครามราคาและต้นทุน
ข้อได้เปรียบของเวียดนาม
เวียดนาม มีข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการ
- ระยะทางใกล้ : ลดต้นทุนขนส่งและเวลาการขนส่งไปจีน
- ต้นทุนแรงงานต่ำ : ค่าแรงและต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า
- การลงทุนขนาดใหญ่ : รัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง
- เทคโนโลยีการเก็บรักษา : การพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวที่ทันสมัย

ไทยต่อสู้ด้วยอะไร?
ในขณะที่เวียดนามมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน ไทยยังคงมีจุดแข็งในเรื่อง
- คุณภาพพรีเมียม : รสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
- ความเชี่ยวชาญ : ประสบการณ์การปลูกและส่งออกที่ยาวนาน
- ตราสินค้า : ชื่อเสียงในฐานะ “ราชาแห่งผลไม้”
.
ภัยคุกคามใหม่ – ทุเรียนจีน
การพึ่งพาตนเองของจีน
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือการที่จีนเริ่มปลูกทุเรียนของตัวเองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในมณฑลไหหลำและกวางตุ้ง ซึ่งมีรายงานการปลูกมาตั้งแต่ปี 2562 และในปี 2567 ผลผลิตเพิ่มขึ้น 4 เท่าในหนึ่งปี
ความหมายของตัวเลขนี้
- จีนกำลังลดการพึ่งพาการนำเข้า
- ในอนาคตอาจเป็นคู่แข่งส่งออกรายใหม่
- ตลาดทุเรียนโลกอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
.
ทางออกและกลยุทธ์เอาตัวรอด
การปรับตัวของไทย
- เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ : การพัฒนาพันธุ์ทุเรียนพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
- การจัดการห่วงโซ่อุปทาน : ควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
- การพัฒนาเทคโนโลยี : นำเทคโนโลยีการเก็บรักษาและการขนส่งที่ทันสมัยมาใช้
- การสร้างตราสินค้า : เสริมสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยให้แข็งแกร่ง
การแก้ไขปัญหาภายใน
- การบังคับใช้กฎหมาย : เข้มงวดกับการใช้นอมินีและการบุกรุกป่าสงวน
- การวางแผนการใช้ที่ดิน : จัดทำแผนการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนอย่างยั่งยืน
- การตรวจสอบคุณภาพ : เสริมสร้างระบบการตรวจสอบแหล่งกำเนิดและคุณภาพสินค้า

Cr. ภาพ : joinalifethailand.com
บทสรุป ชะตากรรมราชาทุเรียนไทย
วิกฤตที่ทุเรียนไทยเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่การแข่งขันในตลาดธรรมดา แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
หากไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในและปรับกลยุทธ์ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก เราอาจต้องเฝ้าดูการสูญเสียตำแหน่งผู้นำที่เคยครองมายาวนาน
คำถามสำคัญ ไทยจะสามารถปกป้องบัลลังก์ราชาหนามได้หรือไม่? และจะต้องจ่ายราคาแค่ไหนเพื่อการเอาตัวรอด?
สะท้อนถึงความท้าทายที่ซับซ้อนของอุตสาหกรรมทุเรียนไทย ซึ่งต้องการการดำเนินการที่เร่งด่วนจากทุกภาคส่วน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกต่อไป
อ้างอิง
https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/249463
https://www.dailynews.co.th/news/4415459/
https://www.thaipbs.or.th/news/content/350156
https://www.bankeela.com/trends/173605/
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7098176
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
ดีเดย์แล้ว! รัฐลุยโค่นทิ้ง ‘ทุเรียนเถื่อน’ บุกรุก 6 เกาะในเขื่อนคีรีธาร ทำลายป่า 371 ไร่
ป่าไทยร่อยหรอ! เมื่อทุนจีนเทา บุกรุกป่าสงวนไทย 5,000 ไร่ หวังครอบครองอุตสาหกรรมทุเรียน

