ศึกษาแนวทาง! เกษตรอัจฉริยะในจีน ทำนาไร้คน แต่มูลค่าสูง แถมคาร์บอนต่ำ หนทางพัฒนาเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน

ศึกษาแนวทาง! เกษตรอัจฉริยะในจีน ทำนาไร้คน แต่มูลค่าสูง แถมคาร์บอนต่ำ หนทางพัฒนาเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน

ภาคการเกษตรจีน เป็นอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุดและกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในขณะที่ประชากรของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,400 ล้านคน จีนจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็เผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น พื้นที่เพาะปลูกที่มีจำกัด ภาวะขาดแคลนน้ำ และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม แรงกดดันเหล่านี้ทำให้จีนหันมาใช้นวัตกรรม โดยผสานเทคโนโลยีขั้นสูง เกษตรกรรมแม่นยำ และแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับภาคส่วนนี้

การพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ของจีนมีลักษณะเด่นคือ การผสมผสานระหว่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี นโยบายของรัฐบาลและการเน้นย้ำถึงความยั่งยืน ที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ครอบคลุมถึงด้านการเกษตรหลักได้แก่ การผลิตพืชผล การจัดการปศุสัตว์ และเกษตรชีวภาพ นอกจากนี้ ประสบการณ์ของประเทศยังส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นสำคัญไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิธีการที่เศรษฐกิจเกิดใหม่จัดการกับความมั่นคงด้านอาหารและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

 

 

 

คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และสภาแห่งรัฐจีนออกประกาศ “แผนการส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทในปี 2565” เพื่อส่งเสริมการพัฒนาหมู่บ้านอัจฉริยะ การเกษตรอัจฉริยะ และส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับการเกษตรแบบบูรณาการ ปัจจุบัน เขตชนบทในนครฉงชิ่ง ต่างนำเอาเทคโนโลยีไปปรับใช้กับการเกษตร เพื่ออำนวยความสะดวกในแต่ละขั้นตอน

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนประจำนครเฉิงตู มีตัวอย่างการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีในนครฉงชิ่ง ดังนี้

 

 

  1. นาข้าวอัจฉริยะ อี้หนง

นวัตกรรมนาข้าวอัจฉริยะจากจีน: บทเรียนสู่การพัฒนาเกษตรกรรมไทย

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) ได้นำเสนอความก้าวหน้าทางการเกษตรจากเขตปกครองตนเองกว่างซี ที่กำลังปฏิวัติการทำนาด้วยแนวคิด “เครื่องจักรกลอัตโนมัติทำงานในนา โดรนบินว่อนเต็มท้องฟ้า และชาวนานั่งจิบชาอยู่หน้าจอ”

ความสำเร็จของ “นาข้าวอัจฉริยะอี้หนง”

  • ทดลองปลูกข้าวพันธุ์กว่างเหลียงเซียง เบอร์ 2 ในระบบนาไร้คน
  • ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังได้ 8 กิโลกรัมต่อไร่
  • ข้าวล้มตอให้ผลผลิต 9 กิโลกรัมต่อไร่
  • ผลผลิตสูงกว่าการทำนาแบบทั่วไปในพื้นที่

 

 

กุญแจความสำเร็จ

  • ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเกษตร
  • การบูรณาการแบบ “สหกรณ์เกษตร + มหาวิทยาลัย + นาชาวบ้าน”
  • การนำโดยผู้เชี่ยวชาญจาก South China Agricultural University

บทเรียนสำหรับประเทศไทย

  • โอกาสในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้
  • แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
  • รูปแบบการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
  • แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรอย่างยั่งยืน

 

โมเดลนาข้าวอัจฉริยะอี้หนง แสดงให้เห็นว่า การผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่กับการเกษตรแบบดั้งเดิมสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับภาคเกษตรกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

 

  1. สวนผลไม้อัจฉริยะหมู่บ้านชิงหลง

สวนผลไม้ในหมู่บ้านชิงหลง อำเภอต้าเสิ้ง เขตยวี๋เป่ย นครฉงชิ่ง ใช้โดรนขนาดใหญ่ในการฉีดพ่นน้ำผสมธาตุสารอาหารผ่านการควบคุมระยะไกล แทนการรดน้ำใส่ปุ๋ยแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังมีสถานีตรวจสอบสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้น ความเร็วลม ปริมาณน้ำฝน ความเข้มของแสง และข้อมูลอื่น ๆ ในสวนตลอด 24 ชั่วโมง สามารถคำนวนสภาพภูมิอากาศได้ล่วงหน้า เพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก ข้อมูลสภาพอากาศดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังอาคารสำนักงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเจริญเติบโตของต้นไม้ คาดการปริมาณผลผลิต ข้อมูลสภาพแวดล้อมในดิน และแสดงผลข้อมูลทั้งหมดบนหน้าจออัจฉริยะ

 

 

  1. ฟาร์มโคนมเทียนเหอ เขตเหอชวน

ฟาร์มโคนมเทียนเหอ เขตเหอชวน นครฉงชิ่ง มีโคนมกว่า 600 ตัว โคนมจะต้องได้รับอาหารที่ถูกต้องแม่นยำเพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของนมโค ในอดีตเจ้าหน้าที่ฟาร์มจำเป็นต้องควบคุมส่วนผสมและปริมาณอาหารทุกวัน ซึ่งการควบคุมโดยมนุษย์อาจมีความคลาดเคลื่อน ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ ระบบสามารถผสมส่วนผสมอาหารตามอัตราส่วนที่กำหนด และให้อาหารโคนมตามเวลาที่ตั้งค่าไว้ มีระบบประมวลผลอย่างแม่นยำ ช่วยลดข้อผิดพลาดและความคลาดเคลื่อนจากการให้อาหารด้วยวิธีดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังมีระบบพ่นน้ำอัตโนมัติเพื่อลดอุณหภูมิของ โคนม ในช่วงที่มีอุณหภูมิสูงเกินกำหนด

 

Cr. ภาพ Jutubao.com

 

  1. Jutubao.com แพลตฟอร์มคอมมูนิตี้สำหรับเกษตรกรจีน

บนแพลตฟอร์ม Jutubao.com (聚土网) ผู้ใช้งานสามารถเปิดให้เช่าพื้นที่เพาะปลูก และลงประกาศคำสั่งซื้อสำหรับซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรในปริมาณมาก นอกจากนี้ ทางแพลตฟอร์มยังให้บริการข้อมูลในการเพาะปลูกพืชชนิดต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลด้านเทคโนโลยีการเพาะปลูก ราคาตลาด และบริการการตรวจสอบผลผลิตทางไกล

แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นของบริษัทผู้ออกแบบแอปพลิเคชั่นในนครฉงชิ่ง ปัจจุบัน ผู้ใช้งานประกอบด้วย เกษตรกรรายใหญ่กว่า 300,000 ราย และเกษตรกรรายย่อยกว่า 3 ล้านราย ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากกว่า 3,000 ชนิด เชื่อมโยงผู้ใช้ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ มีปริมาณการทำธุรกรรมกว่า 3 พันล้านหยวนต่อปี ครอบคลุมพื้นที่ 18 มณฑลทั่วประเทศจีน

 

Cr. ภาพ WWW.NEWS.CN

 

  1. ไร่ชาติ้งซิน เขตปาหนัน

ไร่ชาติ้งซิน ตั้งอยู่ในอำเภอเอ้อเสิ้ง เขตปาหนัน นครฉงชิ่ง รัฐบาลท้องถิ่นได้ร่วมมือกับ China Telecom และองค์กรอื่น ๆ ในการสร้าง “แพลตฟอร์มบล็อกเชนหมู่บ้านอัจฉริยะ” โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบสถานที่ปลูก สถานที่ผลิต สถานที่ขาย ผลการทดสอบคุณภาพ และขั้นตอนการปลูก ฯลฯ ด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือสแกนบาร์โค้ดของผลิตภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ และช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น

 

 

  1. สวนผัก–บ่อปลาAI นครฉงชิ่ง

สวนผัก-บ่อปลาอัจฉริยะ: นวัตกรรมเกษตรล้ำสมัยจากนครฉงชิ่ง

สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรนครฉงชิ่งได้พัฒนาระบบเกษตรอัจฉริยะที่ผสมผสานการปลูกผักและเลี้ยงปลาด้วยเทคโนโลยี AI โดยมีจุดเด่นดังนี้:

นวัตกรรมระบบผสมผสาน

  • ใช้ AI ตรวจสอบศัตรูพืช โรคในพืชและปลา
  • ควบคุมพฤติกรรมและการให้อาหารปลา
  • ระบบหมุนเวียนน้ำและการใช้มูลปลาเป็นปุ๋ย
  • การปลูกผักแบบชั้นวางเพื่อเพิ่มผลผลิตในพื้นที่จำกัด
  • ใช้หุ่นยนต์ AI ควบคุมตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว

การสนับสนุนจากภาครัฐ

  • โครงการ “การเกษตรอัจฉริยะ-หมู่บ้านดิจิทัล”
  • ลงทุน 110 ล้านหยวนตั้งแต่ปี 2562
  • สร้างฐานสาธิตการเกษตรอัจฉริยะกว่า 200 แห่ง
  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมทั้งการเพาะปลูก ปศุสัตว์ และประมง

ผลลัพธ์การพัฒนา

  • เปลี่ยนเกษตรกรรมจาก “งานใช้แรงงาน” เป็น “งานใช้สมองและสติปัญญา”
  • ระบบครอบคลุมตั้งแต่การผลิตถึงการจำหน่าย
  • ช่วยฟื้นฟูชนบทและป้องกันการกลับสู่ความยากจน
  • สร้างโอกาสใหม่ๆ ในภาคเกษตรกรรม

โครงการนี้แสดงให้เห็นว่าการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับการเกษตรแบบดั้งเดิมสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรมและชุมชนชนบทได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

บทเรียนและความท้าทาย ปรับโฉมเกษตรไทยสู่เกษตรมูลค่าสูง

 

ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายในการปรับเปลี่ยนภาคเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่ “เกษตรมูลค่าสูง” โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาสถานะการเป็นครัวของโลกและก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง การเปลี่ยนผ่านนี้จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญหลายด้าน:

การยกระดับเทคโนโลยีการเกษตร

  • มุ่งสู่เกษตรแม่นยำสูง (Precision Agriculture)
  • ใช้เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีหมุนเวียน
  • พัฒนาสินค้าเกษตรโภชนาการสูง
  • ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมเภสัชกรรมและวัสดุชีวภาพ

 

การรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม

  • ภาคเกษตรไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับ 2 (15.23%)
  • การทำนาเป็นกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในภาคเกษตร (58%)
  • จำเป็นต้องส่งเสริมการเกษตรคาร์บอนต่ำเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

แนวทางการพัฒนาสู่เกษตร 4.0

  • พัฒนาแรงงานทักษะสูง
  • ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา
  • นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้
  • ศึกษาโมเดลความสำเร็จจากประเทศจีนที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี

 

การปรับเปลี่ยนนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิต และลดความเหลื่อมล้ำของเกษตรกร พร้อมทั้งตอบโจทย์ความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

 

 

อ้างอิง

http://cq.news.cn/2022-03/01/c_1128422196.htm

https://globthailand.com/china-29112024/

https://thaibizchina.com/rule/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0/

https://thaibizchina.com/energy-technology-environment/bicnng2024-11-21/

https://www.kasetintree.com/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%97%E0%B8%B3/