รายงาน Oxfam เผยข้อมูลสะเทือนใจ มหาเศรษฐี 10% ของประชากรโลกกำลังทำให้โลกร้อนมากกว่าคนที่เหลืออีก 90% รวมกัน จากธุรกิจ-ไลฟ์สไตล์ ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ มากกว่าการใช้ชีวิตของคนทั่วไป กว่า 1 ล้านเท่า
10% ของคนรวยสุดโลก ก่อมลพิษมากกว่าคนอีก 90% รวมกัน
รายงานล่าสุดจาก Oxfam เผยข้อมูลการลงทุนของมหาเศรษฐีเพียง 125 คน ปล่อยก๊าซ CO2e มากถึง 393 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณก๊าซในประเทศฝรั่งเศส โดยคิดเฉลี่ยต่อปีสูงกว่าประชากรในกลุ่ม 90 เปอร์เซ็นต์ล่างสุดของมนุษยชาติถึง 1 ล้านเท่า
Carbon Billionaires: The investment emissions of the world’s richest peopleเป็นรายงานที่เผยแพร่โดย Oxfam เมื่อวันนี้ โดยอิงจากการวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด 125 รายในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางแห่ง และการปล่อยคาร์บอนจากการลงทุนเหล่านี้ มหาเศรษฐีเหล่านี้ถือหุ้นรวมกัน 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในบริษัท 183 แห่ง
รายงานพบว่าการลงทุนของมหาเศรษฐีเหล่านี้ก่อให้เกิดก๊าซ CO2e เฉลี่ยปีละ 3 ล้านตันต่อคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประชากรในกลุ่ม 90 เปอร์เซ็นต์ล่างที่ปล่อยก๊าซ CO2e อยู่ที่ 2.76 ตันถึง 1 ล้าน เท่า
ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้อีก เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยบริษัทต่างๆ แสดงให้เห็นว่ามีการประเมินระดับผลกระทบต่อคาร์บอนที่แท้จริงต่ำกว่าความเป็นจริง และมหาเศรษฐีและบริษัทต่างๆ ที่ไม่เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซของตนต่อสาธารณะ จึงไม่สามารถรวมอยู่ในผลการวิจัยได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ที่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในระดับสูง
ไลฟ์สไตล์หรูหราที่แลกมาด้วยคาร์บอน
มหาเศรษฐีกลุ่ม “ซูเปอร์ริช” ใช้ชีวิตประจำวันที่สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมหาศาล:
- เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว
- ขับขี่รถซูเปอร์คาร์
- พักผ่อนบนเรือยอชต์หรูหรา
ยานพาหนะเหล่านี้ใช้พลังงานเชื้อเพลิงต่อเที่ยวและต่อผู้โดยสารสูงกว่าระบบขนส่งมวลชนหลายเท่า
ตัวเลขที่แตกต่างอย่างน่าตกใจ
- คนทั่วไป (90% ของประชากรโลก) ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 2.6 เมตริกตันต่อคนต่อปี
- มหาเศรษฐี (10% ของประชากรโลก) ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยถึง 3 ล้านเมตริกตันต่อคนต่อปี (มากกว่าประมาณ 1.15 ล้านเท่า)
ธุรกิจขนาดใหญ่คือตัวการสำคัญ
นอกจากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแล้ว มหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ประมาณ 183 บริษัททั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิงและปูนซีเมนต์ ยังเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาล
เทียบเท่าทั้งประเทศ
ที่น่าตกใจที่สุด คือ มหาเศรษฐีไม่กี่คนเหล่านี้ ร่วมกันปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ชีวิตและธุรกิจในปริมาณที่เทียบเท่ากับที่ประชากรทั้งประเทศอียิปต์ ฝรั่งเศส หรืออาร์เจนตินาปล่อยออกมารวมกัน
ข้อมูลนี้ตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำด้านสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบที่ไม่เท่าเทียมกันในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังเป็นประเด็นเร่งด่วนของทั้งโลก
บริษัทใหญ่และนักลงทุนที่ร่ำรวย หากำไรจากมลพิษ ก่อวิกฤตโลกร้อน
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการลงทุนของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 70 % ซึ่งต่างจากคนทั่วไป Oxfam ได้ใช้ข้อมูลสาธารณะในการคำนวณ “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการลงทุน” ของมหาเศรษฐีที่ถือหุ้นในบริษัทมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยจัดสรรส่วนแบ่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่รายงานจากบริษัทที่พวกเขาลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นให้แก่พวกเขา
ผลการศึกษายังพบอีกว่ามหาเศรษฐีมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ เช่น พลังงานและวัสดุ เช่น ปูนซีเมนต์ โดยเฉลี่ยร้อยละ 14 ซึ่งมากกว่าการลงทุนในดัชนี Standard and Poor 500 โดยเฉลี่ยถึง 2 เท่า มีเพียงมหาเศรษฐีเพียงคนเดียวในกลุ่มตัวอย่างเท่านั้นที่มีการลงทุนในบริษัทพลังงานหมุนเวียน
การเลือกลงทุนของมหาเศรษฐีกำลังกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจของเรา ตัวอย่างเช่น การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีคาร์บอนสูง ซึ่งจะล็อกการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงไว้เป็นเวลาหลายทศวรรษข้างหน้า การศึกษาพบว่าหากมหาเศรษฐีในกลุ่มตัวอย่างย้ายการลงทุนของตนไปยังกองทุนที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ก็จะสามารถลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซได้มากถึง 4 เท่า
“คนรวยระดับมหาเศรษฐีจำเป็นต้องถูกเก็บภาษีและถูกควบคุมไม่ให้ลงทุนในโครงการที่ก่อมลพิษซึ่งกำลังทำลายโลก รัฐบาลต้องวางกฎระเบียบและนโยบายที่ทะเยอทะยานเพื่อบังคับให้บริษัทต่างๆ มีความรับผิดชอบและโปร่งใสมากขึ้นในการรายงานและลดการปล่อยมลพิษอย่างจริงจัง” ดาบีกล่าว
คนรวยที่สุดมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศมากกว่าที่คิด
ผลการวิจัยล่าสุด เผยให้เห็นความเชื่อมโยงที่น่าตกใจระหว่างความมั่งคั่งและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพบว่ากลุ่มคนที่รวยที่สุดมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
สิ่งที่พบจากงานวิจัย
- อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 0.61°C ระหว่างปี 1990-2020
- 65% ของการเพิ่มขึ้นนี้ มาจากการกระทำของคนรวย 10% ของโลก
- คนรวย 10% ของโลก (รายได้มากกว่า 42,980 ยูโร หรือประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อปี) ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าคนทั่วไปถึง 6.5 เท่า
- คนรวย 1% ของโลก (รายได้มากกว่า 147,200 ยูโร หรือประมาณ 5.5 ล้านบาทต่อปี) รับผิดชอบต่อโลกร้อนถึง 20% และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า
- คนรวย 0.1% ของโลก (รายได้มากกว่า 537,770 ยูโร หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี) รับผิดชอบต่อโลกร้อน 8% และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าคนทั่วไปถึง 76 เท่า
ภาพจำลองที่น่าตกใจ
หากทุกคนบนโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับเดียวกับ
- คนจน 50% ล่างสุด โลกจะร้อนขึ้นเพียงเล็กน้อยนับจากปี 1990
- คนรวย 10% อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น 2.9°C
- คนรวย 1% อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น 6.7°C
- คนรวย 0.1% อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 12.2°C
ข้อสรุปสำคัญ
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคที่เกินความจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวย มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวิกฤตโลกร้อน นักวิจัยหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการกำหนดนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อมูลนี้ชวนให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบส่วนบุคคลและส่วนรวม เพราะแม้ว่าทุกคนจะมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ผลกระทบจากคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีการบริโภคระดับสูงนั้นส่งผลต่อโลกร้อนอย่างไม่ได้สัดส่วนกับจำนวนประชากร
อ้างอิง
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
เจาะลึก! เส้นทาง 6 อุตสาหกรรมปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ปรับตัวอย่างไร? ให้เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
