ผู้บริโภคคิดอย่างไร? เมื่อ Grab ใช้ AI สร้างภาพเมนูอาหาร !

ผู้บริโภคคิดอย่างไร? เมื่อ Grab ใช้ AI สร้างภาพเมนูอาหาร !

 

 AI สร้างภาพเมนูอาหารให้ร้านค้าเล็ก ช่วยเพิ่มความดึงดูด แต่ผู้บริโภคกังวลเรื่องความสมจริงและโฆษณาเกินจริง แม้มีลายน้ำกำกับ แต่ยังถกเถียงว่าคือโอกาสใหม่หรือปัญหาด้านความโปร่งใส?

 

ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทในหลากหลายอุตสาหกรรม ล่าสุด Grab ประเทศไทย ได้เริ่มทดลองใช้ AI สร้างภาพเมนูอาหารสำหรับร้านค้าเล็กๆ บนแพลตฟอร์มของตนเอง เพื่อช่วยให้ร้านค้าสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนถ่ายภาพอาหารจริง แต่ก็เกิดคำถามขึ้นในหมู่ผู้บริโภคว่า ภาพที่ AI สร้างขึ้นนั้น จะตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ และอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดได้หรือเปล่า?

 

ภาพส้มตำที่สร้างโดยเอไอ

AI สร้างภาพอาหาร: ทางออกใหม่ของร้านเล็ก

‘วรฉัตร ลักขณาโรจน์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Grab ประเทศไทย เปิดเผยในงาน GrabTalk : Driving Livelihoods with Tech & AI ว่า Grab ได้พัฒนาเทคโนโลยีและ AI เพื่อตอบสนองต่ออินไซท์จากผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ไรเดอร์ หรือร้านค้า โดยหนึ่งในฟีเจอร์ที่กำลังทดลองใช้งานคือ AI ที่สามารถสร้างภาพอาหารจากชื่อเมนูและรายละเอียดที่ร้านค้าใส่ไว้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาสำหรับร้านเล็กๆ ที่ไม่มีภาพอาหาร หรือมีภาพที่ไม่น่าดึงดูด

ร้านค้าจำนวนมากมักพบปัญหาการถ่ายภาพอาหาร เช่น ขาดอุปกรณ์ กล้องไม่ชัด หรือจัดแสงไม่เป็น ส่งผลให้ภาพอาหารดูไม่น่ารับประทาน และอาจทำให้ยอดขายลดลง AI จึงเข้ามาเป็นตัวช่วย โดยสร้างภาพอาหารที่ดูสวยงาม คมชัด และสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ดีกว่าภาพถ่ายธรรมดา

 

 

ผู้บริโภคตั้งคำถาม: ตรงปกหรือจกตา?

แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากร้านค้าบางส่วน และมีรายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ยังคงมีข้อสงสัยว่า ภาพที่ AI สร้างขึ้นนั้น จะสะท้อนถึงอาหารที่ได้รับจริงหรือไม่ บางคนมองว่านี่อาจเข้าข่าย “โฆษณาเกินจริง” และอาจนำไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่พึงพอใจเมื่อลูกค้าได้รับอาหารจริงที่ไม่ตรงกับภาพที่เห็นในแอปพลิเคชัน

Grab เองยืนยันว่ามีการใส่ ลายน้ำ ระบุว่าเป็นภาพที่สร้างจาก AI เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และพยายามพัฒนา AI ให้สามารถสร้างภาพที่ใกล้เคียงกับอาหารจริงมากที่สุด โดยพิจารณาจากวัตถุดิบที่ร้านค้าใช้จริง อย่างเช่น เมนู ผัดกะเพรา บางร้านใส่ถั่วฝักยาว บางร้านไม่ใส่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาให้ AI สามารถแยกแยะได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความสมจริงของภาพอาหารจาก AI โดยความคิดเห็นของชาวเน็ตมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ เช่น:

  • “เจอว่ามีร้านอาหารใช้ AI เจนรูปมาใช้ในเมนู เลยเอาไปโพสต์เม้าท์ๆ ในทวิต เพราะคิดว่าของกินยังไงก็ควรใช้รูปจริงอะ”
  • “เห็นบางร้านใช้ก็จะรู้สึกเข้าข่ายหลอกลวง ไม่ตรงปกอ่ะ”
  • “อยากให้มีกฎมารองรับว่าอาหารต้องใช้รูปจริงในการขาย”
  • “จริงบ้างที เราต้องการความจริงมากกว่าความสวยงาม”
  • “แล้วถ้าได้อาหารไม่ตรงรูป รีวิว 1 ดาวได้ไหม 555”
  • “รูปเพื่อการโฆษณา” … มีมาแต่ไหนแต่ไร แค่ตอนนี้มันโจ่งแจ้งกว่าเดิมก็เท่านั้น”
  • “เอ้า คือจะสั่งข้าวไง… แล้วถ้าไม่ตรงปกคือแจ้ง สคบ. ได้มั้ย อันนี้ใครผิด Grab หรือร้าน?”

 

 

AI กับความรับผิดชอบทางจริยธรรม

ประเด็นด้าน จริยธรรมของ AI เป็นอีกข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน Grab เองยืนยันว่ามีการพัฒนาโมเดล AI อย่างต่อเนื่องให้สามารถสร้างภาพที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด และมีมาตรการป้องกันการเข้าใจผิด เช่น การแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าภาพเป็นแบบ AI Generated

แต่คำถามที่ตามมาคือ หากภาพไม่ตรงปก ใครควรรับผิดชอบ? บางคนมองว่าควรเป็นร้านค้า ในขณะที่บางคนมองว่า Grab ควรมีมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้น หรืออาจต้องมีหน่วยงานกลางมาตรวจสอบ

 

หากโมเดล AI นี้สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งร้านค้าและผู้บริโภค Grab มีแผนจะขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้ทั่วประเทศ ซึ่งอาจช่วยให้ร้านค้าเล็กๆ สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดดิจิทัล

ในขณะเดียวกัน การนำ AI เข้ามาช่วยสร้างภาพอาหารก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมฟู้ดเดลิเวอรี แต่สุดท้ายแล้ว ผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินว่า ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มประสบการณ์การสั่งอาหารที่ดีขึ้น หรือเป็นเพียงเครื่องมือทางการตลาดที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด

 

 

อ้างอิง : 

 

https://workpointtoday.com/grab-tech-ai742261-2/#google_vignette

 

Patcharakan Pisansupong-ผู้บริโภคที่พบเจอภาพเอไอ

https://www.facebook.com/603436756/posts/10163090420521757/?rdid=UtaVRgRDJuXDH7Vf#

 

https://workpointtoday.com/grab-ai-742848-2/?fbclid=IwY2xjawJJQChleHRuA2FlbQIxMAABHeJkk1-CWRLy7r2uem1lGiGaeYkTDf-Mvw3_ruUFu4MFYMBbxmqt4GDsPg_aem_Uwko5mgXn6U1mIwK48w6UQ

 

เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :

20 รายชื่อต้นไม้ช่วยดักจับฝุ่นละออง ลดฝุ่น PM2.5 เพื่ออากาศสะอาด และทางเลือกสู่สุขภาพที่ดี

ดัชนี Freedom House 2025 เผย ประเทศไทยโดนลดระดับ ไปอยู่ในกลุ่ม “ประเทศไม่เสรี” อีกครั้ง หลังปรับเป็น “ประเทศที่มีเสรีภาพ” ได้ปีเดียว