ปล่อยเต่า วิธีคืนชีวิตให้ทะเล และรักษาเต่าทะเลให้อยู่คู่ธรรมชาติไทย

ปล่อยเต่า วิธีคืนชีวิตให้ทะเล และรักษาเต่าทะเลให้อยู่คู่ธรรมชาติไทย

วันที่ 16 มิถุนายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันเต่าทะเลโลก” เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของเต่าทะเลที่ไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ทะเลที่สวยงามและเก่าแก่ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย ปีนี้ประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมเพื่อร่วมอนุรักษ์เต่าทะเลอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่เป็นแหล่งอาศัยและวางไข่สำคัญของเต่าทะเลถึง 5 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่าล็อกเกอร์เฮด เต่ากระ เต่าหญ้า และเต่าตนุ ซึ่งล้วนจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ทะเลที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

 

ในประเทศไทย การรักษาเต่าทะเลที่ได้รับบาดเจ็บหรืออ่อนแอ มักสิ้นสุดลงด้วยการ “ปล่อยคืนสู่ทะเล” เมื่อสัตว์ฟื้นตัวเต็มที่ วิธีนี้ไม่เพียงเป็นการคืนชีวิตให้กับสัตว์ป่า แต่ยังช่วยเสริมประชากรเต่าทะเลในธรรมชาติอีกด้วย การปล่อยจะทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ฟื้นฟูหรือศูนย์ชีววิทยาทางทะเล เช่น ศูนย์ชีววิทยาทางทะเลภูเก็ต ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น อาสาสมัคร และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยจะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ช่วงน้ำขึ้น หรือฤดูที่ไม่มีคลื่นลมแรง เพื่อให้เต่ามีโอกาสรอดสูงสุด 

 

การปล่อยเต่าทะเลมักจัดในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันเต่าทะเลโลกหรือสงกรานต์ เพื่อเชื่อมโยงการอนุรักษ์เข้ากับวัฒนธรรมและจิตสำนึกของสาธารณชน โดยก่อนปล่อย เต่าจะได้รับการตรวจสุขภาพขั้นสุดท้าย พร้อมติดอุปกรณ์ติดตาม (ในบางราย) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและเส้นทางการว่ายน้ำต่อไป

 

งาน ปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ หาดไม้ขาว

 

พิธีปล่อยเต่าทะเลที่หาดไม้ขาว – ในยาง จ.ภูเก็ต

หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ คือ พิธีปล่อยเต่าทะเล ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิเพื่อเต่าทะเลไม้ขาว (Mai Khao Marine Turtle Foundation) และ ศูนย์ชีววิทยาทางทะเลภูเก็ต (Phuket Marine Biological Center) กิจกรรมในปี 2025 จัดขึ้นทั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันเต่าทะเลโลก โดยมีประชาชน นักท่องเที่ยว และอาสาสมัครเข้าร่วมจำนวนมาก ภายในงานมีการปล่อยเต่าทะเลที่ได้รับการดูแลและฟื้นฟูจากศูนย์ฯ กลับคืนสู่ทะเล การดำเนินการปล่อยเต่าเหล่านี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์ แต่ยังเป็นกระบวนการฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งที่เต่าทะเลมีบทบาทสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสริม เช่น การทำความสะอาดชายหาด เพื่อขจัดขยะพลาสติกที่เป็นภัยร้ายแรงต่อเต่าทะเล ซึ่งมักกินเข้าไปโดยเข้าใจว่าเป็นแมงกะพรุน ส่งผลให้เกิดการอุดตันในระบบย่อยอาหารและเสียชีวิต การรวมพลังของผู้คนในกิจกรรมนี้จึงเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญในการลด “ขยะทะเล” ซึ่งเป็นประเด็นหลักในปีนี้

 

ลูกเต่าตนุที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่

 

เทศกาลอนุรักษ์เต่าทะเล ที่หาดท้ายเหมือง จ.พังงา

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือ “เทศกาลอนุรักษ์เต่าทะเล” ประจำปี 2025 ที่จัดขึ้นในเดือนมีนาคม ณ หาดไทยมือน อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ร่วมกับภาคีเครือข่ายท้องถิ่น มีการปล่อยเต่าทะเลที่ได้รับการอนุบาลและฟื้นฟูกลับสู่ทะเล พร้อมกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตเต่าทะเล การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม และภัยคุกคามที่เต่าทะเลต้องเผชิญ เช่น การติดเครื่องมือประมง ขยะทะเล และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

เทศกาลนี้นอกจากจะช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์แล้ว ยังถือเป็นเวทีในการ “ปลูกฝังจิตสำนึก” ให้กับเยาวชนและชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะการให้ความรู้และประสบการณ์ตรง เช่น การสัมผัสเต่าทะเล การเรียนรู้การดูแลลูกเต่า และการเข้าใจบทบาทของแต่ละคนในการปกป้องท้องทะเลไทยอย่างยั่งยืน

 

สาหร่าย เป็นอาหารที่สำคัญของเต่าบางชนิด

 

ความเคลื่อนไหวจากชุมชนและภาคธุรกิจท้องถิ่น

กิจกรรมเพื่อเต่าทะเลไม่ได้เกิดจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบทบาทจาก ภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ อย่างชัดเจน เช่น ในจังหวัดสตูลมีการจัด นิทรรศการ Seaweed Social Business ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรทางทะเล อย่าง สาหร่าย อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งรณรงค์ไม่ทิ้งขยะลงทะเล และจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์เต่าทะเลและสิ่งมีชีวิตอื่นในระบบนิเวศชายฝั่ง

กิจกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง ความร่วมมือแบบบูรณาการ ระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน ที่ใช้หลัก ESG (Environmental, Social, Governance) ในการดำเนินงาน ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจริงในระดับพื้นที่ต่อไป

 

เปรียบดั่งกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ของเรากับธรรมชาติ เมื่อทะเลสะอาด เต่ากลับมา ชีวิตก็สมดุล และทั้งหมดนี้เริ่มต้นได้จากมือของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลาสติก หรือเพียงแค่ไม่ทิ้งขยะลงชายหาด—เพราะทุกการกระทำเล็ก ๆ ล้วนมีผลต่อผืนทะเลใบใหญ่ที่เราทุกคนพึ่งพาอยู่

 

 

ที่มา :  https://www.seaturtleweek.com/world-sea-turtle-day

ที่มา :  Phuketandamannews