นวัตกรรมไทยสู่ตลาดโลก! นีโอ x ม.เชียงใหม่ พัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภค ตอบโจทย์ Young Old & Gen Beta
บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO โดย ‘บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด’ จับมือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค (FMCG) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น
- กลุ่ม Young Old (Yold) หรือวัยเกษียณที่ยังมีไลฟ์สไตล์กระฉับกระเฉง
- กลุ่ม Gen Beta เด็กเล็กวัย 0-3 ปี ซึ่งพ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
แนวคิด “จากหิ้ง สู่ห้าง”
ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยสามารถต่อยอดผลงานของตนเองจากห้องทดลองไปสู่ตลาดสากลตามแนวคิด “จากหิ้ง สู่ห้าง”
ซึ่งหมายถึงการนำผลงานวิจัยจากห้องทดลองหรือสถาบันการศึกษา มาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถออกสู่ตลาดจริงได้ แนวคิดนี้ช่วยให้ผลงานวิจัยไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในเชิงทฤษฎี แต่สามารถพัฒนาเป็นสินค้าที่สร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมได้จริง
ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพนักศึกษา
ความร่วมมือนี้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาและนักวิจัยไทยได้พัฒนาทักษะการทำงานจริงในโลกธุรกิจ ผ่านโครงการสหกิจศึกษาและโครงการวิจัยต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก
ยกระดับนวัตกรรม FMCG
สินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือที่เรียกว่า FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) เป็นสินค้าที่มีอัตราการบริโภคสูงและเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อาหาร และเครื่องดื่ม การพัฒนานวัตกรรมในกลุ่ม FMCG คือการนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ มาสร้างสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าเพื่อสุขภาพ หรือสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถแข่งขันในตลาดและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น
นีโอ มุ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้า FMCG
นีโอ มุ่งมั่นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี “ทุกวัน” ให้กับผู้บริโภค ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ (Uplift the Essentials for Everyday Betterment) ด้วยความเชี่ยวชาญในตลาดสินค้าอุปโภคมากว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าครอบคลุมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก รวม 8 แบรนด์ ประกอบด้วย ไฟน์ไลน์, ดีนี่, บีไนซ์, ทรอส, เอเวอร์เซ้นส์, วีไวต์, สมาร์ท และโทมิ
ณิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจของ NEO กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะทางมากขึ้น นีโอจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นผู้นำด้าน FMCG ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมระดับเอเชีย
“ปัจจุบัน ประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขามากขึ้น เช่น กลุ่ม Young Old (Yold) ซึ่งเป็นผู้สูงวัยที่ยังมีความกระฉับกระเฉงและเปิดรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกลุ่ม Gen Beta หรือเด็กเล็กวัย 0-3 ปี ที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าที่เคย นีโอในฐานะ ‘Segment Creator’ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคเฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำที่มีผลงานวิจัยมากกว่า 3,000 เรื่องต่อปี ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้จริง เราพร้อมสนับสนุนทุนวิจัยและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันนวัตกรรมไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงเป็นโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์จริงในสถานประกอบการผ่านโครงการสหกิจศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนีโอในการพัฒนาอุตสาหกรรม FMCG อย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการผลักดันให้ นีโอ เป็นบริษัท FMCG ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมระดับเอเชีย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่”
ความเห็นจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การร่วมมือกับนีโอ แฟคทอรี่ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยให้สามารถนำไปใช้ได้จริง และยังช่วยพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษา ให้สามารถบูรณาการความรู้ทางวิชาการกับโลกธุรกิจได้อย่างแท้จริง
“ด้วยวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม การร่วมมือกับ ‘นีโอ แฟคทอรี่’ ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแนวความคิดของคณาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาให้เกิดการบูรณาการทั้งในเชิงวิชาการและในเชิงการทำธุรกิจเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในตลาด ส่งเสริมระบบนิเวศในการวิจัยและพัฒนาเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อไป”
การจับมือกันระหว่าง NEO และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนานวัตกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้นักวิจัยและนักศึกษาไทยสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อสังคม และก้าวสู่ตลาดระดับสากลได้อย่างมั่นคง ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและภาคการศึกษาที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในระยะยาว