กรมวิชาการเกษตรผนึกกำลังภาคีเครือข่าย สร้างแปลงต้นแบบ ‘ถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ’ ที่เชียงใหม่ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตจาก 267 เป็น 410 กิโลกรัมต่อไร่ ตอบโจทย์ทั้งความมั่นคงทางอาหารและการรักษาสิ่งแวดล้อม ตอบรับเทรนด์ ESG

ยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองไทยแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศให้สูงขึ้น โดยมุ่งเน้นให้แปลงต้นแบบนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรในการผลิตถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon)
โดยกรมวิชาการเกษตรได้จัดทำโครงการ ด้วยการพัฒนา “แปลงโมเดลต้นแบบการผลิตถั่วเหลืองประสิทธิภาพสูงแบบคาร์บอนต่ำ” ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
โครงการตั้งเป้าหมายชัดเจนในการเพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองจากเดิมเฉลี่ย 267 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 410 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 53% โดยจะเน้นการเพิ่มศักยภาพการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ

7 เทคโนโลยีสุดล้ำ พลิกโฉมการปลูกถั่วเหลือง
นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน กรมวิชาการเกษตร เผยถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่นำมาใช้ในแปลงต้นแบบนี้
- เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง
ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีอัตราการงอกและรอดตายสูง ทำให้ได้จำนวนต้นถั่วเหลืองในพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการผลิต
- ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมและปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน
คลุกเมล็ดด้วยปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม 200 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 10-12 กิโลกรัม ก่อนปลูก และให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อให้ธาตุอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของถั่วเหลือง วิธีนี้สามารถ
- ลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนได้ 50-100%
- ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- เพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองได้ 25%
- เครื่องจักรกลการเกษตรทันสมัย
ใช้เครื่องปลูกและเครื่องเกี่ยวนวดที่มีความแม่นยำสูง ช่วย
- ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
- ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- ลดต้นทุนด้านแรงงานไม่น้อยกว่า 67%
- ลดการใช้เชื้อเพลิงจากการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำ
- ระบบน้ำหยดอัตโนมัติร่วมกับปุ๋ย
ระบบน้ำหยดอัจฉริยะที่
- ให้น้ำตามความต้องการของถั่วเหลือง
- มีระบบแจ้งเตือนการให้น้ำอัตโนมัติ
- จัดเก็บข้อมูลสภาพภูมิอากาศและปริมาณการใช้น้ำ
- ให้ปุ๋ยร่วมกับระบบน้ำ (fertigation) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร
- ลดการชะล้างปุ๋ยนอกเขตรากพืช
- โดรนพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ใช้โดรนในการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูถั่วเหลือง ซึ่ง
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้สารเคมี
- จดจำตำแหน่งที่ฉีดพ่นครั้งก่อนได้
- เข้าถึงพื้นที่ได้ทั่วถึง
- เพิ่มความปลอดภัยให้เกษตรกรจากการลดการสัมผัสสารเคมีโดยตรง
- ประหยัดแรงงานและเวลา
- โดรนประเมินสุขภาพพืช
ใช้โดรนติดกล้องมัลติสเปกตรัมบินบันทึกภาพแปลง 4 ครั้งตลอดฤดูปลูก ที่
- 7-10 วันหลังงอก
- 15-20 วันหลังงอก
- 30-35 วันหลังงอก
- 60-65 วันหลังงอก

ข้อมูลที่ได้ช่วยวิเคราะห์
- สภาพดินปลูก
- สุขภาพและความสมบูรณ์ของถั่วเหลือง
- การวางแผนป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- คาดการณ์ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและผลผลิต
- ชีวภัณฑ์และจุลินทรีย์ควบคุมศัตรูพืช
ใช้เชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ได้แก่
- เชื้อราไตรโคเดอร์มา
- เชื้อราแอสเปอเรลลัม
- เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส (BS)
ชีวภัณฑ์เหล่านี้
- ทำลายเชื้อโรคพืชได้หลายชนิด
- ลดต้นทุน เกษตรกรสามารถผลิตขยายใช้เองได้
- ใช้ร่วมกับโดรนได้
- ลดการใช้สารเคมีและเชื้อเพลิง
คู่มือการผลิตถั่วเหลืองประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้ โครงการยังได้จัดทำคู่มือการผลิตถั่วเหลืองที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่
- การจัดการแปลงปลูก
- การปลูก
- การให้น้ำ
- การใส่ปุ๋ย
- การดูแลรักษา
- การเก็บเกี่ยวผลผลิต
พร้อมทั้งมีการบันทึกข้อมูลสำคัญ
- ช่วงเวลาการปฏิบัติงาน
- ประวัติการระบาดของศัตรูพืช
- การใช้สารเคมีและเทคโนโลยีต่างๆ
ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นสถิติที่มีคุณค่าสำหรับการวางแผนการผลิตในอนาคต

ต้นแบบที่ขยายผลได้จริง
“โมเดลต้นแบบการผลิตถั่วเหลืองที่มีประสิทธิภาพแบบคาร์บอนต่ำ จะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมในพื้นที่ของตนเอง” นายศรุตกล่าว “และจะขยายผลไปยังพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศให้สูงขึ้น และเป็นแนวทางในการช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป”
ความสำเร็จของโครงการนี้จะไม่เพียงช่วยยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองของไทย แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์อาหาร Plant-Based ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1122550
https://www.dailynews.co.th/news/3351202/
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
กรณีศึกษา “น่าน” ต้นแบบการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ สู่ความยั่งยืนระดับโลก
