เทรนด์อาหารแห่งอนาคต: โปรตีนทางเลือกเพื่อความมั่นคงและยั่งยืน
ในยุคที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน “โปรตีนจากแมลง” ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ด้วงสาคู” ซึ่งเป็นแมลงกินได้ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยคุณสมบัติเด่นคือ เพาะเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว ไม่จำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่มากนัก มีน้ำหนักและปริมาณโปรตีนสูง รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกสัดส่วน ทำให้ด้วงสาคูถูกจัดเป็นแมลงเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงและมีมูลค่าทางการตลาดที่ดี

ความท้าทายจากการเลี้ยงแบบดั้งเดิม: อุปสรรคสู่ความยั่งยืน
แม้ด้วงสาคูจะมีศักยภาพสูง แต่การเพาะเลี้ยงในปัจจุบันยังคงเผชิญกับปัญหาสำคัญหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพผลผลิต สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อมของชุมชน อาทิ การจัดการของเสียในระบบการเลี้ยงที่ยังไม่ดีพอ ทำให้ลำไส้ด้วงสาคูมีสีดำหรือเนื้อด้วงมีกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมในการเลี้ยงแบบเดิมยังไม่เอื้ออำนวยให้สามารถผลิตด้วงสาคูได้ตลอดทั้งปี ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการแปรรูปเพื่ออุตสาหกรรม ที่สำคัญ การเลี้ยงในโรงเลี้ยงแบบเปิดยังประสบปัญหาการรบกวนจากแมลงและศัตรูพืชอื่นๆ เช่น ไรและเชื้อรา ส่งผลให้ผลผลิตไม่แน่นอน และยังเกิดปัญหาการหลุดรอดของด้วงสาคูตัวเต็มวัย ซึ่งเป็นศัตรูพืชของต้นมะพร้าวและสาคู ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงด้วงสาคูกับเกษตรกรผู้ปลูกพืชดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นวัตกรรมพลิกเกม: สร้างระบบการเลี้ยงครบวงจรสู่ความยั่งยืน
จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมการเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงด้านอาหารในอนาคต กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยสำคัญ 2 โครงการหลักที่ผนึกกำลังกัน

เครดิตภาพจาก: https://pmuc.or.th/rhynchophorus-ferrugineus/
- “นวัตกรรมการเลี้ยงด้วงสาคูเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์อาหารแมลงของประเทศ” ภายใต้แผนงานกลุ่มอาหารมูลค่าสูง โดยมี ผศ.ดร.ศศิธร หาสิน จากวิทยาลัยนวัตกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นหัวหน้าโครงการ
- “ระบบอัตโนมัติวิเคราะห์และจัดการของเสียจากฟาร์มด้วงสาคูเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตอาหารโปรตีนใหม่” ภายใต้แผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยมี ดร.โพธิวัฒน์ งามขจรวิวัฒน์ จากสถาบันจัดการปัญญาภิวัฒน์ เป็นหัวหน้าโครงการ

เครดิตภาพจาก: https://pmuc.or.th/rhynchophorus-ferrugineus/
ทั้งสองโครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม ครอบคลุมงานวิจัยย่อยที่สำคัญ ได้แก่
- การพัฒนาต้นแบบระบบการเลี้ยงหนอนด้วงสาคูในโรงเรือนระบบกึ่งอัตโนมัติ: เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบกล่องเลี้ยงด้วงสาคูที่ติดตั้งชุดกลไกอัตโนมัติ เพื่อการเคลื่อนย้ายกล่องเติมอาหารและเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมถึงระบบเติมอาหารและน้ำ ระบบชะล้างและระบายน้ำเสีย และที่โดดเด่นคือ ชุดตรวจวัดระบบนิเวศ ที่มีการติดตั้งเซนเซอร์วัดอุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณแก๊สต่างๆ พร้อมระบบเก็บข้อมูลและติดตามผลแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดปัญหาด้านภูมิอากาศ กลิ่นรบกวน การหลุดรอดของด้วงตัวเต็มวัย และเพิ่มความสะดวกสบายในการเพาะเลี้ยง โดยมุ่งเน้นการประหยัดน้ำ อาหาร และพื้นที่ในการเลี้ยง
- การพัฒนาสูตรอาหารที่ใช้เลี้ยงหนอนด้วงสาคู: เน้นการศึกษาความหลากหลายของพืชอาหารและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตอาหารที่เหมาะสม ปัจจุบันได้พัฒนา 2 สูตร คือสำหรับตัวอ่อนและตัวเต็มวัย
- จัดทำต้นแบบผลิตภัณฑ์สารปรับปรุงดินและก๊าซชีวภาพจากของเสีย: เป็นการนำของเสียจากระบบการเลี้ยงมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างมูลค่าเพิ่มและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เครดิตภาพจาก: https://pmuc.or.th/rhynchophorus-ferrugineus/
ผลลัพธ์ที่โดดเด่น: สร้างมูลค่า เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
ผลการทดลองการเลี้ยงด้วงสาคูในกล่องเลี้ยงระบบปิดที่พัฒนาขึ้นนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง โดยสามารถให้ผลผลิตด้วงสาคูได้ประมาณ 1.1 กิโลกรัมต่อรอบการเลี้ยง ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 วัน เท่านั้น เมื่อเทียบกับการเลี้ยงแบบเดิมที่ต้องใช้เวลาถึง 35 วัน นอกจากนี้ ตัวด้วงสาคูที่เลี้ยงด้วยอาหารสูตรใหม่ยังมี ค่าโปรตีนสูงกว่า การเลี้ยงด้วยวิธีการดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแค่นั้น คณะผู้วิจัยยังเล็งเห็นศักยภาพของด้วงสาคูที่มีโปรตีนสูง จึงได้ต่อยอดผลผลิตเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ ในรูปแบบที่บริโภคได้ง่ายขึ้น เช่น “มีทบอลจากด้วงสาคู” และ “ไอศกรีมจากด้วงสาคู” เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดด้านรูปลักษณ์ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อผู้บริโภค

ก้าวต่อไปเพื่อความมั่นคงทางอาหารและสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน ต้นแบบระบบการเลี้ยงหนอนด้วงสาคูในโรงเรือนระบบกึ่งอัตโนมัติกำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอสิทธิบัตรและได้รับความสนใจจากภาคเอกชนในการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ทางการค้าแล้ว รวมถึงสูตรอาหารสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงด้วงสาคูก็อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นขออนุญาตและขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์เพื่อจำหน่ายทางการค้า

เครดิตภาพจาก: https://pmuc.or.th/rhynchophorus-ferrugineus/
นวัตกรรมนี้ไม่เพียงช่วย เพิ่มอัตราการผลิต และ ยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์จากด้วงสาคู ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ยังช่วย ลดการใช้สารเคมี ในการควบคุมแมลง ลดการปนเปื้อนสารพิษ และที่สำคัญคือ ลดของเสีย พร้อมทั้ง แก้ปัญหาความขัดแย้งกับชุมชน จากกลิ่นเหม็นและปัญหาการหลุดรอดของด้วงสาคูตัวเต็มวัยได้อย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการ สร้างความมั่นคงทางอาหารในอนาคต ของประเทศอย่างแท้จริง

คณะผู้วิจัยยังมีแผนที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้จากโครงการนี้ไปสู่เกษตรกรที่สนใจ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ นโยบาย วิชาการ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพจากโปรตีนทางเลือกที่ผลิตจากแมลงของประเทศไทยให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
ขอบคุณที่มา:
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
