การตลาดออนไลน์เปลี่ยนไป ไม่มีคุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) ต้องทำอย่างไร? และแพลตฟอร์มไหนปังสุด

การตลาดออนไลน์เปลี่ยนไป ไม่มีคุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) ต้องทำอย่างไร? และแพลตฟอร์มไหนปังสุด

• คาดการณ์มูลค่าตลาดอีคอมเมิซจะทะลุ 1ล้านล้านบาทในปี 2025
• ผลกระทบที่ดีขึ้นจากการใช้งาน AI
• กุญแจสำคัญในการโฆษณาดิจิทัลปี 2025
• ForeToday ประกาศเป็นผู้นำการตลาดดิจิทัลสำหรับ SMEs

 

 

คาดการณ์มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ จะทะลุ 1 ล้านล้านบาทในปี 2025

จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย คาดว่ามูลค่าตลาดจะทะลุ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ความสะดวกสบายของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และการพัฒนาระบบขนส่งที่รวดเร็วขึ้น

ปัจจุบัน แบรนด์ใหญ่ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70% ในขณะที่ SMEs มีเพียง 30% อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสสำหรับ SMEs ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มตลาด โดยเฉพาะธุรกิจที่สามารถนำกลยุทธ์โฆษณาดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในตลาดอีคอมเมิร์ซ คือ การใช้เครื่องมือดิจิทัลและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา รวมถึงการใช้กลยุทธ์ Performance Marketing ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลและปรับปรุงแคมเปญได้อย่างแม่นยำ การตลาดที่เน้นการใช้ Data-Driven Strategy จะช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายตลาดและเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

ผลกระทบที่ดีขึ้นจากการใช้งาน AI

ในยุคดิจิทัล AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคการตลาดดิจิทัล AI ไม่เพียงช่วยให้การโฆษณามีความแม่นยำขึ้น แต่ยังสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว AI และ Machine Learning มีความสามารถในการเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า คาดการณ์แนวโน้ม และเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาผ่านระบบอัตโนมัติ เช่น Performance Max (PMax) ซึ่งช่วยให้ยอดขายของธุรกิจสูงขึ้นกว่า 27% โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ

 

หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดจาก AI คือ การลดการพึ่งพา คุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) ซึ่งจะถูกยกเลิกภายในปี 2025 ส่งผลให้ธุรกิจต้องหันมาใช้ First-Party Data มากขึ้น การตลาดดิจิทัลในปี 2025 จะขับเคลื่อนโดย AI มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ SMEs สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ แม้มีงบประมาณจำกัด

AI ยังช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม และแสดงผลในแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนโฆษณาออนไลน์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20-30% หากไม่มีการใช้ AI อย่างเหมาะสม ดังนั้นธุรกิจที่สามารถนำ AI มาใช้ในการตลาด จะสามารถเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

กุญแจสำคัญในการโฆษณาดิจิทัลปี 2025 ที่ SMEs ต้องปรับตัว

ในปี 2025 การตลาดดิจิทัลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่ต้องปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อแนวโน้มใหม่ ๆ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่ควรให้ความสำคัญ ดังนี้

1. การใช้ AI ใน Google Ads อย่างมีประสิทธิภาพ

Performance Max (PMax) เป็นเครื่องมือโฆษณาอัตโนมัติที่ใช้ Artificial Intelligence (AI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ในการช่วยบริหารโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าและปรับกลยุทธ์การแสดงโฆษณาแบบเรียลไทม์ อาทิ แคมเปญโฆษณาที่เน้นเป้าหมาย (Goal-Based) หรือที่เรียกว่าวัตถุประสงค์ของโฆษณา เช่น ยอดขาย (Sales), โอกาสในการขาย (Leads) การเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) และการเข้าชมร้านค้าและโปรโมชันในพื้นที่ (Local store visits and promotions) เป็นต้น
บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของกูเกิล เช่น ยูทูบ, กูเกิลเซิร์ช, อีเมล และ ดิสเพลย์ เน็ตเวิรค์ การใช้ PMax สามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้มากถึง 27% โดย SMEs สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ในการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำและใช้โฆษณาแบบอัตโนมัติให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้จะมีงบประมาณจำกัด

 

2. การเก็บและใช้ First-Party Data อย่างมีประสิทธิภาพ

First-Party Data หรือ ข้อมูลลูกค้าที่ได้จากช่องทางของธุรกิจโดยตรง เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์ กำลังมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจาก กูเกิลโครม กำลังจะเลิกใช้ Third-Party Cookies หรือ คุกกี้ของบุคคลที่สาม ในปี 2025 ซึ่งหมายความว่าการทำ Remarketing (การติดตามและแสดงโฆษณาซ้ำให้กับลูกค้าที่เคยเข้าชมเว็บไซต์) จะทำได้ยากขึ้น หากไม่มีข้อมูลลูกค้าเป็นของตัวเอง
ธุรกิจที่ไม่มีการเตรียมพร้อมด้านนี้ อาจเผชิญกับต้นทุนโฆษณาที่เพิ่มขึ้นถึง 20-30% ดังนั้น SMEs ควรเริ่มเก็บ ข้อมูลลูกค้าตั้งแต่วันนี้ โดยการสร้างลูกค้าดั้งเดิม ผ่านการสมัครสมาชิก การให้ส่วนลดพิเศษ หรือการจัดแคมเปญเก็บข้อมูลที่ลูกค้ายินดีให้ เพื่อให้สามารถทำการตลาดแบบเจาะจงและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

 

3. การใช้วิดีโอสั้นและคอนเทนต์ภาพในการโฆษณา

ปี 2025 การตลาดจะให้ความสำคัญกับ Visual Content หรือ คอนเทนต์แบบภาพและวิดีโอ มากขึ้น โดยเฉพาะวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มอย่าง ติ๊กต็อก, ยูทูป ชอร์ท และอินสตราแกรมรีล

Google เองก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยปรับจาก Video Action Campaigns (VAC) ไปสู่ Demand Gen ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้โฆษณาแบบวิดีโอสามารถเข้าถึงลูกค้าบนหลายแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น การใช้โฆษณาที่มีทั้ง วิดีโอและภาพนิ่ง สามารถเพิ่ม Conversion Rate หรืออัตราการเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นลูกค้าได้สูงถึง 20% โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณเพิ่มเติม

 

 

 

แพลตฟอร์มเปรียบเสมือนถนนหน้าร้าน

ในยุคที่ผู้บริโภคมีความหลากหลายทางเจเนอเรชัน การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ชาคริต ชูปรีดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด แนะนำว่า ติ๊กต็อก (TikTok) เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการข้อมูลที่รวดเร็วและหลากหลาย ทำให้ผู้คนจากหลากหลายเจเนอเรชันมารวมตัวกันบนแพลตฟอร์มนี้ ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ติ๊กต็อก (TikTok) จึงเป็นช่องทางที่ธุรกิจควรพิจารณาในการสื่อสารและทำการตลาด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

ForeToday ประกาศเป็นผู้นำการตลาดดิจิทัลสำหรับ SMEs

ForeToday บริษัทดิจิทัลเอเจนซีชั้นนำของไทย ประกาศความเป็นผู้นำในตลาดการตลาดดิจิทัลสำหรับ SMEs ผ่านกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ AI และ Data-Driven Marketing โดยได้รับรางวัล Growth Hackathon 2024 สาขา Measurement Excellence จากกูเกิล ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตลาด

ชาคริต ชูปรีดา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารสูงสุด (CEO) บริษัท ฟอร์ทูเดย์ จำกัด เปิดเผยว่า “ForeToday มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตผ่านกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซที่มีประสิทธิภาพ” ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังช่วยขยายขนาดธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดออนไลน์ ปัจจุบัน คาดว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยจะทะลุ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจที่พร้อมปรับตัว หากได้รับ การสนับสนุนด้านโฆษณาดิจิทัลที่เหมาะสม เพราะมากกว่า 80% ของผู้บริโภคออนไลน์ในประเทศไทยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) เป็นแหล่งข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งหมายความว่าแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่แม่นยำ จะมีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ForeToday มุ่งเน้นการให้บริการ 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.) การยิงแอด 2.) การผลิตสื่อ และ 3.) การติดตามและวัดผล โดยเน้นการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ ปัจจุบัน ForeToday มีพาร์ทเนอร์ร่วมมากกว่า 200 แบรนด์ และมีพนักงานมากกว่า 70 คน พร้อมตั้งเป้าหมายสร้างมูลค่าธุรกิจให้เติบโตมากกว่า 20 ล้านบาทในปี 2025

 

ความท้าทายสำคัญของ ForeToday คือ การแข่งขันที่สูงในตลาดเอเจนซี่ อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถรอบด้านมากกว่าการยิงแอดเพียงอย่างเดียว รวมถึงการสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านการประชุมและรายงานผลแบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่ใช้สามารถสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้า