วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า เตรียมการทาบทามเชิญบุคคลให้มาดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แล้ว ส่วนจะตอบรับหรือไม่ก็ต้องมาว่ากันอีกที เพราะถึงแม้จะอยากได้แต่หากไม่ตอบรับก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ต้องส่งหนังสือเชิญไปตามกฎหมาย
“หลายคนไม่อยากมาทำการเมือง เพราะกลัวจะมีปัญหา หรือสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่เคยมี เพราะต้องเลิกทั้งหมด ทั้งการเป็นคณะกรรมการต่างๆ ด้วย ดังนั้น รัฐบาล และคสช.ก็ต้องดูให้รอบคอบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบุคคลปฏิเสธคำเชิญบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทาบทาม เพราะอยู่ในขั้นตอนการเตรียมรายชื่อ ส่วนกรณีที่ว่าคสช.คัดเฉพาะคนของตัวเอง ขอบอกเลยว่า ไม่ว่าจะคัดอย่างไรก็มีข้อครหาอยู่แล้ว แต่ยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ทำตามอำนาจหน้าที่ และอยากให้ทุกคนมองว่านายกฯ ได้ทำอะไรไปบ้าง ก็ควรเชื่อมั่นกันบ้าง อีกทั้ง การทำงานด้านต่างๆ ก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ ก็ต้องมาประเมินว่าอะไรมากกว่ากัน ถ้าสำเร็จก็ต้องให้กำลังใจกันต่อไป ดังนั้น คนที่จะเข้ามาเป็นส.ว.ก็ต้องรู้สึกว่าเข้ามาแล้วได้รับคำชม ไม่ใช่เข้ามาแล้วก็ถูกเล่นงานเลย แล้วใครจะอยากมาทำงาน
“ไม่มีใครอยากเป็นเลย อย่าคิดว่ามันง่ายนะ อยู่ๆ มา 4-5 ปี เอาคนมาทำงานกับคสช.ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายคนก็มีปัญหาส่วนตัวของเขา แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำงาน แต่กังวลว่าจุกจิก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาของกฎหมายอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คิดเห็นอย่างไร ที่มีคนวิจารณ์ว่าส.ว.คือต้นทุนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ตอบเรื่องนี้ว่า จะมาเป็นต้นทุนได้อย่างไร วันนี้เขาเตรียมเผื่อไว้ เพราะ ส.ว.ที่ผ่านมาทุกคนก็รู้ว่าเป็นอย่างไร การเลือกตั้งเข้ามาเป็นอย่างไร เป็นเครือข่ายกันแบบไหน ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ดูว่าเป็นเครือข่ายกับใคร เป็นเครือข่ายกับพรรคการเมืองและนักการเมืองหรือเปล่า เมื่อวันนี้ตนเป็นขึ้นมาก็กลายมาเป็นเครือข่ายของตน ทั้งๆ ที่ความจริงก็เห็นกันว่า พ.ร.บ.หลายฉบับที่พิจารณากันในสภา ไม่เคยออกมาได้ง่าย ถ้าตนมีอำนาจสั่งเขาจริง ทำง่ายๆ วันนี้พรุ่งนี้กฎหมายก็คงออกมาได้ แต่วันนี้กฎหมายหลายฉบับยังออกมาไม่ได้เลย บางฉบับที่มีความเห็นขัดแย้งสูงก็ต้องว่ากันต่อไปว่าอะไรดีหรือไม่ดี ไม่มีใครต้องการการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นอันตรายของประเทศ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เปลี่ยนให้เป็นหน้ามือหลังมือทีเดียว สำหรับประเทศไทยมันเป็นไปไม่ได้ เพราะความขัดแย้งสูง
“ส่วนประเด็นว่าส.ว.มีสิทธิ์โหวตนายกฯ ยืนยันว่าไม่ใช่โหวตนายกฯได้ เว้นแต่กรณีที่แต่ละพรรคเสนอชื่อนายกฯ ขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ต้องเสนอร่วมกันทั้งสองสภา ซึ่ง ส.ว.มีอำนาจแค่ตรงนี้ เป็นการแก้ปัญหากรณีที่พรรคนี้ได้ แต่พอเสนอชื่อขึ้นมาแล้วพรรคอื่นไม่ยอมรับ ก็จะมีความขัดแย้งกันต่อไป จึงต้องหาวิธีการปลดล็อกตรงนี้ เพื่อให้ ส.ว.เข้ามาร่วมพิจารณาด้วยได้” พล.อ.ประยุทธ์ อธิบาย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่ทุกพรรคการเมืองต่างมุ่งโจมตีด้วยว่า ไม่เหนื่อย เพราะพรรคการเมืองเหล่านั้นพูดแต่เรื่องไม่จริง จึงไม่รู้จะไปสนใจทำไม อย่างทุกวันนี้ก็อารมณ์เย็นขึ้นเยอะ แต่เดิมอาจจะมีอารมณ์บ้าง และที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพราะว่าเป็นนักการเมือง แต่คิดว่าอารมณ์โมโหมันทำร้ายตัวเอง และต้องการทำในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ยอมรับว่าอาจทำได้บ้างไม่ได้บ้าง สิ่งสำคัญคือมาคิดกันดีกว่าว่าต่อไปจะทำอะไร ดีกว่ามานั่งปวดหัวตอบโต้กันไปมา ทุกคนรู้มาตลอดว่าการเมืองไทยมันเป็นแบบนี้ มันจึงทำให้คนไม่อยากจะเข้ามาทำงาน
ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งท้ายว่า มีคนแช่งให้เครื่องบินตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “แช่งไปเถอะ ผมก็ไม่เห็นเป็นอะไร ผมห้อยพระอยู่แล้ว”