Thaiquote ได้ร่วมพูดคุยกับ “บี” พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ถึงเรื่องแคมเปญ “ครม.กทม.” ที่ดูเหมือว่าพรรคพลังประชารัฐจะให้ความสำคัญกับการเปิดนโยบายเพื่อหวังขอโอกาสทำงานรับใช้คนกทม.
“สำหรับ ครม.กทม. เป็นการแถลงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ กทม. ซึ่งมีนโยบายจำนวนมากที่ต้องการบอกกับพี่น้องประชาชน ดังนั้นเราจึงคิดว่าจากนี้ไปอีก 6 สัปดาห์ที่จะไปสู่การเลือกตั้ง ด้วยแนวคิดที่ว่า แต่ละสัปดาห์ทุกวันอังคารก็จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเพื่อกำหนดนโยบายออกมาให้กับประชาชน ในส่วนของพลังประชารัฐจึงเลือกใช้วันอังคารเช่นกันที่จะนำนโยบายของพรรคมาเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบ นี่จึงเป็นที่มาของ ครม.กทม.” พุทธิพงษ์กล่าวถึงที่มาของแคมเปญดังกล่าว
สำหรับรายละเอียดของ ครม.กทม. นั้น พรรคพลังประชารัฐเตรียมนำเสนอนโยบายสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในแต่ละมิติทุกๆวันอังคารนับจากนี้ โดยในแต่ละครั้งก็จะนำเสนอรายละเอียดของนโยบายในแต่ละด้าน อย่างเช่นครั้งที่แล้ว (12 ก.พ.62) เราก็นำเสนอเรื่องของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5
“นโยบายหลักๆ เราทำเสร็จหมดแล้ว ก็จะมีอยู่ประมาณ 6 ด้าน หรือ 6 มิติ เช่น สิ่งแวดล้อมที่เรานำเสนอไปแล้ว การจราจรขนส่ง การหารายได้ของคนกรุงเทพฯ เรื่องของเทคโนโลยี และ Startup ซึ่งทุกวันอังคารก็จะมีออกมาในแต่ละกลุ่ม” พุทธิพงษ์ เกริ่นถึงนโยบายของพรรคที่พร้อมจะปล่อยออกมาให้คนกรุงเทพฯได้รับรู้
พุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงที่มาของนโยบายพรรคว่า นโยบายเหล่านี้มีที่มาจากผู้สมัคร สส.ของเราซึ่งลงพื้นที่ไปพูดคุยคลุกคลีกับประชาชนจะเป็นคนเสนอนโยบาย และทางกรรมการบริหารพรรคก็จะเป็นผู้ร่างนโยบายขึ้นมา ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่านี่คือนโยบายที่มาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง
สำหรับนโยบายเด่น ผมขอยกตัวอย่าง อาทิ นโยบายเรื่องคลอง ที่ผู้สมัครในบางเขตลงไปพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ที่มีคลอง เช่นคลองบางกอกน้อย ยังมีการสัญจรโดยใช้เรือ ซึ่งจะมีนโยบายเรื่องของระบบขนส่ง การแก้ไขปัญหาเรื่องของคลองสะอาด
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่ามีปัญหาหลักของ กทม. คือเรื่องหาบเร่แผงลอย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเอง ก็ได้บรรจุเรื่องดังกล่าวไว้เป็นนโยบายเช่นกัน
“เรื่องของหาบเร่แผงลอย เป็นอีกนโยบายสำคัญของพรรค โดยเรื่องของการจัดระเบียบ ซึ่งเราจะต่อยอดไปถึงมิติการหารายได้ของคนกรุงเทพฯ เราจะจัดตลาดให้เพิ่มขึ้น จัดที่ค้าขายนเพิ่มขึ้น ไม่ใช่คำนึงเฉพาะเรื่องของการขับไล่ เมื่อให้เขาย้ายออกจากที่ที่เขาเคยขายแล้วก็จะต้องจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมให้เขาสามารถขายของได้ ทำมาหากินได้ ปัญหามันมีอยู่ว่าเมื่อจัดพื้นที่ให้เขาไปอยู่แล้ว คนซื้อไม่ได้ตามมาซื้อ ดังนั้นเราจึงต้องหาพื้นที่ วิธีการที่จะให้คนซื้อตามาซื้อด้วย ที่ผ่านมาพูดถึงแต่การไล่จัดระเบียบ แล้วพ่อค้าแม่ค้าก็ไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีคนซื้อ” พุทธิพงษ์กล่าว
ในตอนท้าย พุทธิพงษ์ยังแย้มให้เรารู้ว่า วันพุธหน้า(20 ก.พ.) จะเป็นการเสนอนโยบายด้านเทคโนโลยีสำหรับมหานคร รวมไปถึงเรื่องของผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือ Startup ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรต้องรอติดตามกันต่อไป
