ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวยังระบุถึงพื้นที่เป้าหมายที่มีศักยภาพใน
10 พื้นที่เป้าหมายอาทิ ได้แก่ 1.กลุ่มวัฒนธรรมล้านนาซึ่งจะครอบคลุม จ.เชียงใหม่
เชียงแสน ลำพูน ลำปาง 2.พื้นที่อ.ปาย
จ.แม่ฮ่องสอน 3.พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาฯลฯ
ล่าสุดพรชัย
จิตรวนเสถียร นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยกับ “Thai
quote” ว่า เชียงใหม่มีศักยภาพการท่องเที่ยวที่ถือว่าอยู่ในอันดับต้นของประเทศ
ที่ผ่านมามีรายได้เฉลี่ยรวมจากภาคการท่องเที่ยวอยู่ที่ 65,000
ล้านบาทต่อปีและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
“เชียงใหม่มีจุดเด่นด้านท่องเที่ยวที่วัฒนธรรมล้านนา
ทั้งเรื่องของศิลปะพื้นบ้าน ภาษาพูด อาหารการกิน หัตถกรรมเครื่องใช้และวิถีชีวิตของคนเมืองและชนเผ่าต่าง
ๆ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากยูเนสโกอีกด้วย การที่อพท.จะเข้ามาส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นถือเป็นสิ่งที่ดี
และจะต้องคำนึงถึงพันธกิจหลักที่สำคัญของการเป็นเมืองมรดกโลกนี้ด้วย”
ขณะที่ปัญหาซึ่งส่งกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่นั้น
ยังมีอีกหลายประการด้วยกัน อาทิเรื่องของระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ในส่วนของภาคเอกชนเช่น
ห้องน้ำ ป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ เรื่องของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจการท่องเที่ยวแบบผิดกฎหมาย
เช่นบริษัททัวร์และมัคคุเทศก์เถื่อน การทำธุรกิจโรงแรมที่พักอาศัยแบบผิดประเภท
การลงทุนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวแบบนอมินี
ดังนั้นหากได้รับการส่งเสริมจัดตั้งเป็นพื้นที่พิเศษจากอพท.ในอนาคต
ควรจะมีการหารือร่วมกันในการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย
รวมถึงการจัดการท่องเที่ยวที่ต้องคำนึงถึงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
การส่งเสริมอัตลักษณ์ของประชาชนในพื้นที่ อาทิส่งเสริมหมู่บ้านท่องเที่ยวของชาวเขาเผ่าต่าง
ๆ การส่งเสริมการพัฒนาสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นสู่ระดับสากล
