ค่ายเสนา ผ่าปีมังกรเต็มไปด้วยปัจจัยยาก-ยุ่ง-เยอะ ด้วยคาถาแห่งความยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวเติบโตคู่กับไลฟ์สไตล์รักษ์โลก แตกพอร์ต 3 ธุรกิจ บ้าน สินเชื่อ รถไฟฟ้า อุ้มคนระดับล่างฝันอยากมีบ้าน ปล่อยคาร์บอนต่ำ ราคาเข้าถึงได้
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ สะบักสะบอมจากวิกฤติโควิด-19 ยังไม่ทันฟื้นไข้ กลับได้รับการกระทบเป็นลูกระนาดตามอยู่อีกหลายระลอก เศรษฐกิจโลกยังเติบโตอยู่ระดับชะลอตัว ทำให้อัตราหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูงเกินกว่าที่จะทำให้คนเข้าถึงการซื้อที่อยู่อาศัยได้ บวกกับพฤติกรรมผูู้บริโภคเปลี่ยนไป คนเจเนเรชั่นใหม่ เริ่มฉีกกรอบแนวคิดคนยุคก่อน ไม่จำเป็นต้องครอบครองที่อยู่อาศัย เพราะต้องอึดอัดกับการแบกรับภาระหนี้ระยะยาว 30-40 ปี บวกกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง แรงผลักดันทั่วโลกต่างเรียกร้องให้มีการพัฒนาควบคู่กับสมดุลธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม แนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงต้องสร้างขึ้นพร้อมกันกับแนวคิดรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ ทั้งการลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด นี่คือโจทย์หลักของภาคอสังหาฯ ต้องปรับตัว รับปีมังกรทอง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ จับตลาดที่อยู่อาศัยราคา 1-3 ล้านบาท และเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ รายแรก พัฒนาหมู่บ้านโซลาร์ เพื่อประหยัดพลังงาน เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2567ว่า เป็นปีที่ท้าทายในการทำธุรกิจ ทั้ง ยาก -ยุ่ง -เยอะ อันเนื่องมาจากอุปสรรคต่างๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว จึงทำให้เกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือน ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นในรอบ 10 ปี ส่งผลให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 70%
อีกทั้งราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 1.5% (YoY) ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เฉลี่ย 5-10% (YoY) ซึ่งผู้ประกอบการทุกเจ้าก็คงต้องปรับตัวตาม จึงแบ่งกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่มที่ผนึกกำลังกันในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่ ท่ามกลางอุปสรรคนานัปการ ประกอบด้วย SENA Development พัฒนาบ้านให้ตอบโจทย์คนต้องการมีบ้าน, SENX ผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์และการบริการตอบโจทย์ที่อยู่อาศัย และ SENA Green Energy บริษัทพัฒนาพลังงานโซลาร์ และการปลูกป่า รวมถึงตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า
“ความท้าทายในปี 2567 เป็นปีที่ยาก ยุ่ง และเยอะ ทั้งคู่แข่งสูง โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน รวมถึง ปัญหาต่างๆ มากมาย อาทิ หนี้นอกระบบ ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่สิ่งที่เสนาฯ ทำได้ คือ จะต้องวางกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน องค์กรมีความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว Lifelong Trusted Partner โดยสร้างพลังแห่งความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจในเครือ 3 ด้าน ทั้ง SENA Development, SENX และ SENA Green Energy ทำให้การขายบ้านเติบโตไปพร้อมกันกับการสร้างสรรค์”
หลบลี้โลกไม่แน่นอน
สร้างไลฟ์โลว์คาร์บอนคู่ธุรกิจสีเขียว
โดยเฉพาะการทำธุรกิจ ในปัจจุบัน ไม่สามารถมุ่งตอบโจทย์กำไรและรายได้เพียงอย่างเดียว เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาคธุรกิจจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบในการลดการปล่อยคาร์บอน จึงต้องทำธุรกิจที่จะพัฒนาสินค้าและบริการสร้างไลฟ์สไตล์ สีเขียว ร่วมกันขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2603
“โลกในปัจจุบันเราอาจจะแค่มีรายได้และกำไรเท่าไหร่ไม่ได้ โลกอาจจะออกมาโวยวายบอกให้เราทุกคนรู้ว่า เรามีหน้าที่มากกว่าการหารายได้ สิ่งสำคัญคือ ไม่ไปทำอะไรกับคนรุ่นถัดไป (Future Generation) และไม่ทำให้เกิดภัยคุกคามในอนาคต”
สำหรับ การผนึก 3 กลุ่มธุรกิจ เป็นการรวมพลังเคียงข้างสร้างสรรค์ชีวิตที่ยั่งยืน ( Power Of Together) เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ เป็นการสร้างพันธมิตรในการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าในทุกช่วงอายุ และทุกเจเนเรชั่น
3 กลยุทธ์ ขับเคลื่อน 3 แบรนด์
ดร.ยุ้ย เกษรา กล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จบนพื้นฐานของพลังแห่งความร่วมมือของเสนาในปีนี้ แบ่งออกเป็นกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจได้ใน 3 มิติ ประกอบด้วย FOCUS,
DEEP DIVE and DELIBERATE
FOCUS – ให้ความสำคัญ และเจาะลึกเรื่อง segmentation มากขึ้น เน้นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่สามารถซื้อบ้านได้ ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไปจนถึง 3.6 ล้านบาท หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มากที่สุด มีถึง 54% เทียบจากรายได้ครัวเรือนของคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งตรงกับบ้านหรือคอนโดในกลุ่ม Affordable Segment ที่เป็นสินค้าหลักของกลุ่มเสนาที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
โดยปัจจุบันเสนามีโครงการพร้อมขายทั้งหมด 99 โครงการ หรือคิดเป็นมูลค่ารวมราว 116,396 ล้านบาท เป็นสัดส่วนของ Affordable segment ที่ 47 โครงการ มูลค่า 37,409 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเมนท์นี้ ขณะเดียวกันก็พร้อมจะขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งของกลุ่ม BOI คอนโด พร้อมกันด้วย (โดยกลุ่มนี้ ณ ข้อบังคับปัจจุบันต้องมีราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน และต้องมีพื้นที่ 24 ตร.ม.ขึ้นไป) ซึ่งปัจจุบันเสนามีอยู่ทั้งหมด 22 โครงการภายใต้ แบรนด์ SENA KITH, COZI และ ECO TOWN รวม 9,785 ยูนิตหรือมูลค่าโครงการรวมเกือบ 13,900 ล้านบาท
นอกจากนี้ เสนายังขยาย Segment สู่ตลาดบนเพิ่มเติม ผ่านการบริหารจัดการของบริษัทในเครืออย่าง SENX ที่เชี่ยวชาญ ทำงานคู่กับ พันธมิตร ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) จากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการมาตรฐานระดับสากล
ไม่ใช่แค่คนขายบ้าน จัดหาบริการแก้เพนพอยท์ทาง ตอบโจทย์คนอยากมีบ้าน
DEEP DIVE -เจาะลึกทุกความต้องการของแต่ละกลุ่มผู้พักอาศัย ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การเป็น Lifelong Trusted Partner ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อพร้อมเดินเคียงข้างคุณในทุกๆ ช่วงอายุเท่านั้น รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมทางการจัดการอสังหาฯ
ในปัจจุบัน ค้นพบเพนพอยท์ ของกลุ่มคนที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้านแต่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และยังมีปัญหาหนี้ครัวเรือนเรือน จึงทำให้มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง จึงออกแบบสินค้าและการบริการทางการเงิน ตอบโจทย์กลุ่มคนต้องการมีบ้าน พร้อมการบริการ เพื่อให้คนเข้าถึงสินเชื่อบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น และช่วยทุกคนสามารถมีบ้านได้เป็นของตัวเอง
เปิดตัว “เงินสดใจดี”
เสริมสภาพคล่องคนเป็นเจ้าของบ้าน
เดียวที่มีนวัตกรรมการจัดการอสังหาฯ เพื่อตอบโจทย์สถานภาพทางการเงินทุกรูปแบบของผู้ซื้อ หรือ New Financial Services and Innovation ซึ่งจะเป็นผู้ช่วย และที่ปรึกษาทางการเงินส่วนตัวเพื่อการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร โดยทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์การเงินคอยให้บริการ รวมถึงการให้สินเชื่ออเนกประสงค์ (Non-Bank) เพื่อบริหารจัดการเครดิต หรือเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อบ้าน ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้เสนาได้เตรียมเพิ่มการบริการ “เงินสดใจดี” เข้ามาทำหน้าที่ ผู้ช่วยทางการเงิน ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย
“เราต้องการส่งมอบโซลูชั่นให้ลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะผู้ที่ประสบปัญหาการเงิน หรือเครติด บวกกับราคาที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ และยังดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้การเป็นเจ้าของบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้จะเป็นบ้านที่ราคาไม่สูง เราจึงพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน
เปิดแผนคอนโดเช่าก่อนซื้อทีหลัง รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
สำหรับกลุ่มคนที่ไม่ต้องการมีบ้าน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ต้องการเป็นหนี้ระยะยาว ที่ยินยอมจ่ายเงินค่าเช่า กลุ่มคน Generation Rent ส่วนใหญ่โตเป็น คนในกลุ่ม Gen Y และ Z ที่เป็นเจ้าของบ้านได้ยากขึ้นจากราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับรายได้ในปัจจุบัน จึงเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ RENT TO OWN หรือ เช่าซื้อ ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ โดย RENT TO OWN เปรียบเสมือน Financial Asset ที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างง่ายๆ
DELIBERATE : นอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพพร้อมมีนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้แล้ว กลุ่มเสนาฯ คิดไตร่ตรอง (DELIBERATE) อย่างละเอียดใส่ใจ ครอบคลุมไปถึงการใช้ชีวิตในบ้าน เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่สุขสบายแบบ Well Being ที่มีความสุขทั้งกับตนเอง คนรอบข้าง ชุมชน ตอบโจทย์โลกในวันนี้ และในอนาคต
ธุรกิจกรีน รับไลฟ์สไตล์โลว์คาร์บอน
เป้าหมายการทำธุรกิจของเสนาในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนจากการคำนึงถึงการทำธุรกิจให้อยู่รอดไปพร้อมกันกับสร้างสังคมลดคาร์บอน ทั้งในธุรกิจพัฒนาสินค้าและ การบริการใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอน ในราคาที่เข้าถึงได้
ภายใต้กลุ่มธุรกิจ SENA LOW-CARBON หรือ การใช้ชีวิตแบบรักษ์โลกครบวงจร จึงมีการเปิดตัวสินค้า อาทิ บ้านพลังงานเป็นศูนย์ คอนโด Low-Carbon การติดตั้ง EV Ready ส่งเสริมการใช้รถสาธารณะโดย V Move หรือบริการรถรับส่งฟรี มีระบบบริหารจัดการขยะเพื่อการรีไซเคิล และ Zeroboard แพลตฟอร์มคำนวณการปล่อยคาร์บอน รวมถึงการใช้แอพลิเคชัน SENA360 และ SMARTIFY ที่จะเป็นตัวช่วยให้การใช้ชีวิตแบบ Low Carbon เป็นเรื่องง่าย
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจพลังงานสะอาดโดยบริษัท เสนา กรีน เอเนอร์ยี่ จำกัด นั้น ถือเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายขยายตลาดธุรกิจ Solar สู่ตลาด B2C เพิ่ม
อีกทั้งยังขยายธุรกิจ EV Charger สู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Neta เตรียมพร้อมขยายเพิ่มเติมด้วยเป้าขาย 1,000 คัน พร้อมโมเดลธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่จะทำให้เป็นมากกว่าดีลเลอร์ทั่วไป ด้าน
รวมไปถึงการทำโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่า โครงการ Reforestation ได้มีการยกระดับแผนธุรกิจสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตระดับอินเตอร์ โดยตั้งเป้าในปีนี้ อยู่ที่ 10,600 ไร่
ดร. ยุ้ย เกษรา กล่าวสรุปถึงเป้าหมายธุรกิจปี 2567 ของเสนา ว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของเสนา 3 กลุ่มในปีนี้
-ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพักอาศัยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท
-สำหรับธุรกิจบริหารโครงการและบริการ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,400 ล้าน -ธุรกิจพลังงานสะอาดเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท
“การดำเนินธุรกิจที่เสนาให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน กลุ่มบริษัทเสนาตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 19,800 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากกว่า 1,984,800 ต้น ผ่านผลิตภัณฑ์ และบริการ “
สำหรับผลลัพธ์จากการลดคาร์บอน มาจากผลการดำเนินงาน อาทิ บ้านพลังงานเป็นศูนย์จำนวน 1,015 ยูนิต, คอนโด Low Carbon 10 โครงการ, ติดโซลาร์ B2C 1,800 หลัง, ติด EV Ready 1,015 หลัง, EV Car 1,000 คัน, การบริหารจัดการขยะ, การปลูกป่า Reforestation จากเฟสแรก 306 ไร่ จะเพิ่มให้ครบ 10,000 ไร่ รวมถึงมาตรการด้านการประหยัดพลังงานต่างๆ ภายในองค์กรอีกด้วย” ดร.ยุ้ย เกษรา กล่าวทิ้งท้าย
#เสนาดีเวลลอปเม้นท์
#SENA
#สินเชื่อบ้าน
#อสังหาปีมังกรทอง
#ขายบ้านยั่งยืน
#สังคมโลว์คาร์บอน
#ESGuniverse