กลุ่มดุสิตธานี ส่งโปรแกรม ‘ทรี ออฟ ไลฟ์’ (Tree of Life) ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็น “ใบไม้แห่งทรี ออฟ ไลฟ์” ตอกย้ำมาตรฐานธุรกิจบนเส้นทางความยั่งยืนตามกรอบองค์การสหประชาชาติปี 2030
“ดุสิตธานี ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลก รวมทั้งสร้างผลกระทบเชิงบวก และยั่งยืนต่อชุมชนที่เราดำเนินงาน”
คำประกาศด้านความยั่งยืนของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ สร้างความสมดุล สร้างการเติบโต และการกระจายความเสี่ยง โดยล่าสุดได้ผลักดันโปรแกรม ‘ทรี ออฟ ไลฟ์’ (Tree of Life) ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็น “ใบไม้แห่งทรี ออฟ ไลฟ์” ที่แสดงถึงการผ่านมาตรฐานในระดับต่างๆ
ภายใต้โครงการ Tree of Life แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ด้วยหลักเกณฑ์ทั้งหมด 31 ข้อ ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติที่ครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
สำหรับโปรแกรมระดับที่หนึ่งซึ่งถือเป็นภาคบังคับ ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบและแนวทางปฎิบัติสำหรับทุกหน่วยงาน ใน 8 ประการหลัก ได้แก่ การคุ้มครองพืชและสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ การลดขยะจากอาหาร การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มปริมาณการรีไซเคิล การส่งเสริมการอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีในด้านการจัดลำดับความสำคัญของพนักงานและสวัสดิภาพของลูกค้าผ่านแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการความปลอดภัยที่เข้มงวด การต่อต้านการค้ามนุษย์และการแสวงประโยชน์ทางเพศ และร่วมกันทำงานกับผู้นำชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขันเพื่อสนับสนุนโครงการหรือกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ที่สามารถประเมินค่าและวัดผลได้ให้กับชุมชนของกลุ่มดุสิตธานีในวงกว้าง
ส่วนระดับที่ 2 คือ ผ่านเกณฑ์ระดับ 1 และผ่านเกณฑ์อีก 18 ข้อ ในขณะที่ระดับ 3 ต้องผ่านระดับ 2 และผ่านเกณฑ์อีก 23 ข้อ และระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จะต้องผ่านระดับ 3 และผ่านเกณฑ์ 28 ข้อ
โดยโรงแรมและหน่วยธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีจะได้รับใบไม้แห่ง “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ลูกค้าและคู่ค้า รับทราบความสำเร็จของการดำเนินงานความยั่งยืนของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งจะมีการดูแลติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อกำหนด รวมถึงให้คำแนะนำในสิ่งที่ต้องปรับปรุง จากคณะกรรมการเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มดุสิตธานี เพื่อให้โครงการมีความคืบหน้า พร้อมกับกำหนดแผนพัฒนาเชิงรุก ออกนโยบายและขั้นตอนใหม่ ๆ เพื่อให้ โครงการเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับมาตรฐานของโลก ด้วยการก้าวสู่การสร้างความยั่งยืนตามกรอบองค์การสหประชาชาติปี 2030 (United Nations Sustainable Development Goals : UN SDGs 2030)
“การดำเนินโครงการ Tree of Life ของกลุ่มดุสิตธานี ไม่เพียงแต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าที่หยั่งรากลึกขององค์กร ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการปฏิบัติด้านธรรมาภิบาล รวมทั้งผลักดันให้โรงแรมหรือธุรกิจของเราทำงานอย่างกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม ส่งมอบความเป็นอยู่ที่ดีให้ลูกค้าและพนักงาน รวมถึงสร้างความแตกต่างที่มีคุณค่าให้กับโลก”
ทั้งนี้ การดำเนินงานภายใต้โปรแกรม “ทรี ออฟ ไลฟ์” (Tree of Life) จะครอบคลุมหน่วยงานของกลุ่มดุสิตทั้งหมด เริ่มจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทุกแห่งทั่วโลก รวมถึงโรงแรม 54 แห่งที่เปิดดำเนินงานอยู่ใน 19 ประเทศ
ด้าน มร. จิลส์ เครตัลลาส (Gilles Cretallaz) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มดุสิตธานี กล่าวว่า สัญลักษณ์ “ใบไม้” เป็นเครื่องยืนยันว่าโรงแรมและธุรกิจทุกแห่งจะมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโลกและธรรมชาติ และแขกทุกคนจะได้รับประสบการณ์ยั่งยืนเชิงบวก รวมถึงมีส่วนช่วยสนับสนุนความยั่งยืนและมั่งคั่งให้กับโลก เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อ ๆ ไป
โดยในปีที่ผ่านมา โรงแรมและรีสอร์ทของดุสิตธานี ได้ยกระดับเป็นกลุ่มโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่จัดสรรข้าวหอมมะลิออร์แกนิค 100% ให้กับทุกโรงแรมในเครือทั่วราชอาณาจักร โดยดำเนินการจัดซื้อโดยตรงจากฟาร์มขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ให้คุณค่าทางโภชนาการแก่แขก ลูกค้า และพนักงานเท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังได้เริ่มจัดหาไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยสำหรับโรงแรม 6 แห่ง ซึ่งเป็นการตอกย้ำและสะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และส่งต่อความยั่งยืนให้กับชุมชนอย่างแท้จริง
ปัจจุบันดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ดำเนินกิจการครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต้อนรับ
โดยธุรกิจหลักของกลุ่มได้แก่ ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและวิลล่าหรู ภายใต้ 6 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี, ดุสิตเดวาราณา, ดุสิตดีทู, ดุสิตปริ๊นเซส, อาศัย และอีลิธฮาเวนส์ ในจุดหมายปลายทางชั้นนำกว่า 300 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก
รวมถึงธุรกิจการศึกษา ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสอนประกอบการทำอาหารและวิทยาลัยการโรงแรมในประเทศไทย และบริษัทเคเทอริ่งที่บริการอาหารให้กับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้บริการอื่นๆ เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทเพิ่งเริ่มกระจายการลงทุนไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ที่ประกอบด้วย 3 ด้านได้แก่ การสร้างความสมดุล การเติบโต และการกระจายความเสี่ยง