ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งพังงา อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา การเพาะเลี้ยง “สาหร่ายพวงองุ่น” ด้วยปุ๋ยชีวภาพ โดยไม่ใช่ปุ๋ยเคมี สามารถจำหน่ายผลผลิตได้ กก.ละ 150 บาท ช่วยลดการใช้สารเคมีในอาหาร รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความปลอดภัยให้ผู้บริโภค
นางฉันทนา แก้วตาปี ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งพังงา เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยฯ ได้เริ่มเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นมานานหลายปี โดยปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยง จากเดิมที่เคยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ หันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งเป็นน้ำหมักจากการเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น การเลี้ยงปลากะพงขาว และเต่าทะเล
โดยน้ำปุ๋ยหมักดังกล่าวมีแร่ธาตุเหมาะสม สามารถเป็นอาหารให้แก่สาหร่ายพวงองุ่นได้เป็นอย่างดี ทำให้สาหร่ายมีการเจริญเติบโตได้ดี เม็ดเต็มอิ่มทุกช่อ
สำหรับสาหร่ายพวงองุ่น เป็นสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่ง มีคุณประโยชน์ คือ ให้พลังงานน้อย มีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และไอโอดีน ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย รักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว บำรุงสมอง บำรุงเส้นผม เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ จึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน
ขณะที่เมนูจากสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งคนรักสุขภาพมักนิยมรับประทานได้แก่ ส้มตำสาหร่ายพวงองุ่น สลัดสาหร่ายพวงองุ่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นผักสดคู่กับน้ำพริกได้อีกด้วย
ในส่วนข้อดีของการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นด้วยปุ๋ยชีวภาพ คือ ความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งมั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้าง การเจริญเติบโตของสาหร่ายจะดีกว่าการเลี้ยงด้วยปุ๋ยเคมี ทำให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็วขึ้น
โดยศูนย์ฯ จะใช้วิธีเลี้ยงในตะกร้า ใส่พันธุ์สาหร่ายลงไปตะกร้าละ 500 กรัม ใช้เวลา 1 เดือน สาหร่ายพวงองุ่นก็จะโตเต็มตะกร้า มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว พร้อมเก็บเกี่ยวส่งขาย ถ้าเป็นสาหร่ายเกรด A คือเมล็ดโต เป็นพวงสวย เขียวมรกต จะจำหน่ายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 150 บาท
ทั้งนี้เกษตรในพื้นที่จังหวัดพังงาหรือใกล้เคียงที่สนใจ สามารถเข้ามาศึกษาองค์ความรู้ สำหรับนำไปประกอบอาชีพ หรือขอซื้อสายพันธุ์สาหร่ายพวงองุ่น ไปเลี้ยงในกระชังหรือบ่อปลา ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง พังงา ได้
