“เศรษฐพงค์” แนะศึกษาโมเดล “บรอดแบนด์ท้องถิ่น” เชื่อชาวบ้านเข้าถึงง่าย

“เศรษฐพงค์” แนะศึกษาโมเดล “บรอดแบนด์ท้องถิ่น” เชื่อชาวบ้านเข้าถึงง่าย


กมธ.ดีอีเอส เสนอแนวคิดลดขนาด “ทีโอที” หนุนผู้ประกอบการสร้างบรอดแบรนด์ท้องถิ่น เชื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน สร้างเศรษฐกิจฐานราก

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และรองประธานกรรมาธิการการสื่อสาร การโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กรณีที่ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้ความสนใจในเรื่องการพัฒนาดิจิทัลในพื้นที่ชนบทห่างไกล ผ่านเดลผู้ให้บริการบรอดแบนด์ท้องถิ่น หรือ บรอดแบรนด์ชุมชน โดยคาดว่าจะมีการลงทุนในเรื่องดังกล่าวถึง 2 หมื่นล้านเหรียญนั้น

เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาช่วยพัฒนาผู้ให้บริการบรอดแบนด์รายเล็ก ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนขนาดใหญ่ เพราะเกือบทั้งหมดสามารถใช้การบริการงานโครงข่ายผ่านระบบคลาวด์ โดยสามารถวางโครงข่ายได้ทั้งแบบมีสาย (Fiber-to-the-Home) และแบบไร้สาย citywide WiFi หรือ Noncellular IoT ได้

ที่ผ่านมาการให้บริการผ่านผู้ให้บริการขนาดใหญ่ทั้งรัฐและเอกชน ได้มีการปักเสาพาดสาย หรือตั้งสถานีฐานภายในชุมชนต่างๆ แต่ประชาชนไม่สามารถเอาโครงข่ายมาใช้เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ได้จริง แต่ถ้าเรามีโครงข่ายบรอดแบนด์ชุมชน ซึ่งเป็นของท้องถิ่น จะสามารถบริหารจัดการเพื่อตอบสนองความต้องการ่ของแต่ละชุมชนที่มีความหลากหลายได้

สำหรับแนวคิดดังกล่าว มีที่มาจากหลักการที่ว่าท้องถิ่นย่อมเข้าใจความต้องการของชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยรูปแบบของผู้ให้บริการบรอดแบนด์ท้องถิ่น หรือชบอรดแบรน์ชุมชนนั้น มีด้วยกัน 3 รูปแบบ

1.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์ ซึ่งจะเป็นบริการพื้นฐานให้กับคนในชุมชน

2. เป็นลักษณะกึ่งเอกชนกึ่งรัฐ (Quasi Private Network) เป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองท้องถิ่นกับชาวบ้านหรือวิสาหกิจชุมชน สร้างโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนและบริการภาครัฐ

3. เป็นเอกชนสมบูรณ์แบบ แต่ไม่ใช่เอกชนผู้ให้บริการขนาดใหญ่ โดยควรเป็นวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้ดำเนินการ

“ในบ้านเราทีโอทีเป็นผู้ให้บริการภาครัฐที่มีขนาดใหญ่ มีพนักงานจำนวนกว่าหมื่นคน เป็นปัญหาที่ทำให้มีต้นทุนมหาศาล หากอนุญาตให้ประกอบกิจการบรอดแบรนด์ท้องถิ่นได้ จะถือเป็นการแก้ไขปัญหาของ ทีโอที ได้ โดยการลดขนาดพนักงาน แล้วโอนย้ายไปอยู่ภายใต้บรอดแบนด์ท้องถิ่น ที่มีจำนวนหลายพันแห่ง ด้วยประสบการณ์ของคนทีโอที ในการบริหารจัดการ จะช่วยตอบสนองความต้องการผ่านการให้บริการบรอดแบนด์แก่คนในชุมชนได้” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว

ขณะเดียวกัน การที่ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ท้องถิ่น ต้องว่าจ้างคนในชุมชนเพื่อมาร่วมงานจะทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน รวมทั้งโครงข่ายที่เป็นของชุมชนสามารถจัดการให้ตอบสนองความต้องการในชุมชน เช่นเอามาเน้นเรื่อง Smart Farm สำหรับชุมชนที่มีการปลูกข้าวหรือการทำเกษตรเป็นหลัก หรือ Smart Fisherman สำหรับชุมชนชาวประมงซึ่งมีความต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ตอบโจทย์ที่ตลาดต่างประเทศต้องการเข้ามาตรวจสอบถึงแหล่งที่มาสัตว์ทะเลที่จับได้

อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมามีการใช้โมเดลทั้งเน็ตประชารัฐ เน็ตชายขอบ ที่พยายามปิดช่องว่างดิจิทัล โดยให้ผู้ให้บริการขนาดใหญ่ เป็นผู้ดำเนิการ แต่ผลตอบสนองกลับไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนั้นการพิจารณาบรอดแบนด์ท้องถิ่นอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและอาจมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ในแต่ละชุมชน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

คุมเข้มกระเช้าปีใหม่ ห้ามใช้สินค้าด้อยคุณภาพ-ราคาเกินจริง