นายกฯ ปลื้ม “คนละครึ่ง” เงินสะพัด 7.6 พันล้านบาท ลดภาระประชาชน สร้างรายได้ หาบเร่แผงลอย

นายกฯ ปลื้ม “คนละครึ่ง” เงินสะพัด 7.6 พันล้านบาท ลดภาระประชาชน สร้างรายได้ หาบเร่แผงลอย


นายกฯ ปลื้มโครงการ “คนละครึ่ง” ช่วยลดภาระประชาชน ร้านค้า หาบเร่แผงลอย ได้ประโยชน์ คนใช้สิทธิแล้ว 7.1 ล้านคน ยอดใช้จ่ายพุ่งกว่า 7,600 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงร้านค้าเข้าร่วม 1 ล้านร้านค้า

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.63) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินโครงการ คนละครึ่ง เป็นอย่างมาก โดยได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น แลสะดวกสบายด้วยการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน

ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุด ข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 6 พ.ย.2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5.23 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้ว 7.1 ล้านคน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 7,629 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 3,888 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 3,741 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 216 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สงขลา, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังจะเปิดให้มีการลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง รอบ 2 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ช่วงเวลา 06.00-23.00 น. และในส่วนของการเพิ่มจำนวนร้านค้า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมครม.ไปก่อนหน้านี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการคลัง ร่วมกันอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพราะมีจำนวนมากที่สนใจร่วมโครงการ แต่มีความกังวลเรื่องการทำธุรกรรมผ่านมือถือและวิธีการลงทะเบียน

สำหรับการแก้ปัญหาดังกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ เร่งประชาสัมพันธ์โครงการ และอำนวยความสะดวกในเรื่องการรับรองว่าเป็นร้านค้าจริง ตั้งเป้าอยากให้มี 1 ล้านร้านค้า จะได้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ที่ผ่านมา จำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้นมาก จาก 3 แสนร้าน ช่วงปลายเดือน ต.ค. เป็น 5.23 แสนร้านแล้ว และในจำนวนนี้เป็นหาบเร่แผงลอย มากว่า 7 หมื่นราย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกังวลก็คือ การฉวยโอกาสจากโครงการ เช่น การคิดราคาสินค้าที่สูงขึ้นหรือการทำธุรกรรมที่ไม่มีการซื้อขายจริง รัฐบาลจึงขอความร่วมมือจากประชาชนและร้านค้าให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ อย่าให้มีการดำเนินการไปในทางมิชอบ ไม่ทำลายบรรยากาศของการดำเนินโครงการคนละครึ่ง ซึ่งรัฐบาลตั้งใจจริงให้โครงการนี้ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส

โดยปัญหาดังกล่าว ธนาคารกรุงไทย ได้วางระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไว้แล้ว และจะมีการระงับการใช้แอปพลิเคชัน ตลอดจนการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที หากพบการใช้จ่ายผิดเงื่อนไข และอาจมีการดำเนินการตามกฎหมายตามความผิดฐานฉ้อโกง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

รัฐบาลยัน! สหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP “ส่งออก” ภาพรวมไม่กระทบ