เกษตรกรได้เฮ ครม.ไฟเขียวงบ 6.1 หมื่นล้านประกันรายได้ “ข้าว-ยางพารา” ข้าวเปลือกหอมมะลิ เอาไปเลย 1.5 หมื่นบาท/ตัน ส่วนน้ำยางสดจัดให้ 57 บาท/กก.
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สัญจรไปประชุมกันยังจังหวัดภูเก็ตในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ล่าสุดมีมติอนุมัติช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และยางพารา โดยตั้งวงเงินเอาไว้ 61,900.82 ล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะรมว.พาณิชย์ ที่กำกับเรื่องนี้โดยตรง กล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรตามวงเงินดังกล่าว จะแบ่งเป็น สินค้าข้าว วงเงินรวม 51,858 ล้านบาท ในโครงการประกันรายได้ ปี2563/64 มาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
โดยโครงการประกันรายได้ ปี 2 กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกรเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ปริมาณไม่เกิน 16 ตัน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – พฤษภาคม 2564
นอกจากนี้ ในส่วนมาตรการคู่ขนานควบคู่กับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี (ระยะเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2563 – 29 กุมภาพันธ์ 2564) โดยนอกจากเกษตรกรจะได้รับสินเชื่อและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแล้ว เกษตรกรที่มียุ้งฉางจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท กรณีสหกรณ์จะได้รับตันละ 1,000 บาท และสมาชิกจะได้รับ ตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (ระยะเวลาดำเนินการ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564) โดยสหกรณ์เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1
(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ระยะเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2563 – 31 มีนาคม 2564 ให้ผู้ประกอบการเก็บข้าวไว้ระยะเวลา 2-6 เดือน และจะได้รับชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3
ซึ่งจะสามารถดูดซับอุปทานในช่วงที่ข้าวเปลือกออกสู่ตลาดมากเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 7 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณในการชดเชยตามโครงการประกันรายได้
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 จะเริ่มเดือนพฤศจิกายน 2563 เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ช่วยให้เกษตรกรมีกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยในช่วงแรกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณของรัฐบาล จะจ่ายเงินให้เกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ในรอบแรกเบื้องต้น อัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ ก่อน และในช่วงต่อไปจะได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอ ครม.เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป
ด้านเกษตรกรชาวสวนยาง ในโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางปี 2 ได้รับการอนุมัติเช่นกัน โดยกำหนดราคาประกันรายได้ ยางแผ่นดิบ กก.ละ 60 บาท น้ำยางสด กก.ละ 57 บาท ยางก้อนถ้วย กก.ละ 23 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ให้คนกรีด ร้อยละ 40 และเจ้าของสวนร้อยละ 60 วงเงิน 10,042 บาท ระยะเวลาดำเนินการเดือนตุลาคม 2563 – มีนาคม 2564 แต่ระหว่างนี้ยางพาราราคาดีดตัวสูงขึ้นทะลุรายได้ที่ประกันไว้สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมากแต่โครงการประกันรายได้เกษตรกรก็อยากเดินหน้าเพื่อเป็นหลักประกันว่าถ้าราคาตกลงมาเกษตรกรก็จะอยู่รอดด้วยการประกันรายได้ที่ได้รับการอนุมัตินี้
ข่าวที่น่าสนใจ
เกษตรกร เฮ! ธ.ก.ส.เตรียมจ่ายเงินประกันรายได้แก่ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 63/64
