แห่ตั้งโรงงานผลิตหน้ากากฯ ทำยอดพุ่งวันละ 4.2 ล้านชิ้น ล้นตลาด-ราคาร่วง

แห่ตั้งโรงงานผลิตหน้ากากฯ ทำยอดพุ่งวันละ 4.2 ล้านชิ้น ล้นตลาด-ราคาร่วง


ยอดผลิตหน้ากากอนามัย ล้นตลาด พุ่งทะลุวันละ 4.2 ล้านชิ้น เกินความต้องการใช้ หลังคนแห่เปิดรง.ใหม่อื้อ ทำราคาถูกลง

วันที่ 8 ก.ค.63 นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เผยว่า ขณะนี้การผลิตหน้ากากอนามัยของไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่วันละประมาณ 4.2 ล้านชิ้น เพราะมีโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยตั้งใหม่เพิ่มขึ้นหลายราย โดยล่าสุดมีโรงงานที่ผลิตได้มาตรฐานและขายให้กับรัฐบาลรวม 16 ราย โดยรัฐรับซื้อวันละ 3 ล้านชิ้น จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 1.8 ล้านชิ้น และกระทรวงมหาดไทย 1.2 ล้านชิ้น

ซึ่งได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุขว่ามีสต็อกเก็บไว้ใช้เกิน 1 เดือนแล้ว ส่วนจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับจัดสรรจากกระทรวงมหาดไทย มีสต็อกไว้มาก ทำให้หน่วยงานที่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย ไม่มีปัญหาการขาดแคลน

สำหรับหน้ากากอนามัยส่วนเกิน 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้กรมการค้าภายใน ไปหารือกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางบริหารจัดการให้เหมาะสม โดยเห็นตรงกันว่า รัฐจะรับซื้อหน้ากากอนามัยส่วนเกินไว้ทั้งหมด เพื่อนำมาขายต่อให้กับหน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้ในราคาต้นทุน เช่น การบินไทย, สายการบินต่างๆ, สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (ทอท.) เป็นต้น เพื่อรองรับการคลายล็อกดาวน์ ที่เปิดให้มีการเริ่มบินภายในประเทศ และเริ่มที่จะเปิดรับคนต่างชาติบางกลุ่มเข้ามา

นายวิชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เสนอให้คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ พิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อหน้ากากอนามัยใหม่ จากในช่วงก่อนหน้า รัฐรับซื้อจากโรงงานวันละ 3 ล้านชิ้น ราคาชิ้นละ 4.28 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มาเป็นวิธีการประมูล โดยให้โรงงานเสนอราคาขายมา รายใดเสนอต่ำสุด รัฐจึงจะรับซื้อ ทำให้การซื้อเดือนมิ.ย. ซื้อได้ในราคาต่ำลง ที่ชิ้นละ 4-4.15 บาท ส่วนเดือน ก.ค. เหลือเพียง ชิ้นละ 3.65 บาท และคาดว่า ราคาในเดือน ส.ค.นี้จะต่ำลงอีก

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตหน้ากากอนามัยถูกลง เนื่องจากวัตถุดิบสำคัญ โดยเฉพาะเมลต์โบลน ที่เป็นแผ่นกรองเชื้อโรค หาซื้อได้ง่ายขึ้น และราคาถูกลง เพราะผู้ผลิตหลายใหญ่อย่างจีนกลับมาส่งออกมากขึ้น จากก่อนหน้านี้จำกัดการส่งออก เพื่อให้มีเพียงพอในประเทศ

สำหรับการส่งออกหน้ากากอนามัย คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ได้เห็นชอบให้ต่ออายุการห้ามส่งออกไปอีก 6 เดือน หรือสิ้นสุด เดือน ธ.ค.2563 จากก่อนหน้านี้ การห้ามส่งออกสิ้นสุดลงสิ้น เดือน มิ.ย. 2563 แต่ยังคงยกเว้นให้ส่งออกได้ หากเป็นหน้ากากเฉพาะ เช่น หน้ากากป้องกันสารเคมี, หน้ากากอนามัยที่มีลิขสิทธิ์ ผลิตภายใต้แบรนด์เนมของผู้ว่าจ้าง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

วิจัยกรุงศรีปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ชี้ หดตัว 10.3% เซ่นพิษโควิด-19

หมีสีน้ำตาลอิตาลี โดนโทษประหารชีวิต หลังจู่โจมนักเดินป่า ประชาชนแห่ Save