“เจ้ากระทรวง กับ หมอ” มองคนละมุม!! ปมคลายล็อก “ทราเวล บับเบิล”

“เจ้ากระทรวง กับ หมอ” มองคนละมุม!! ปมคลายล็อก “ทราเวล บับเบิล”


เห็นต่าง!! เจ้ากระทรวง – หมอ มองคนละมุม “ทราเวลบับเบิล” เมื่อคนหนึ่งเดินหน้าเจรจาต่างชาติดึงเงินเข้าบ้าน ส่วนอีกคนยังไม่อยากให้เปิดประเทศ หวั่นโควิด-19 ระบาดรอบ 2

วานนี้ (24 มิ.ย.63) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงการเตรียมนำเสนอ “ทราเวล บับเบิล” เข้าสู่ที่ประชุม ศบค. เพื่อให้มีพิจารณาคลายล็อกเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม

โดย สิ่งที่ นายอนุทิน กล่าวคือ การที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ประชุมร่วมกัน และได้พิจารณาเห็นชอบในร่างฯ กฎหมายเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ที่จะต้องนำเสนอ ศบค.ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า โดยมีการกำหนดกรอบถึงกลุ่มที่สามารถเดินเข้ามาในประเทศไทยได้ และมาตรการจัดการ ซึ่งบุคคลที่ได้รับสิทธิ์ เข้ามาก่อน

ตามข้อเสนอของนายอนุทิน คือการพิจารณาให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยประกอบไปด้วย บุคคลที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เช่น คณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มคนไทยกลับบ้าน และกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งต้องกำหนดมาตรการต่างๆ ให้ชัดเจน เกี่ยวกับข้อปฏิบัติก่อนเข้าประเทศ และข้อปฏิบัติเมื่อเข้าประเทศมาแล้ว

ในส่วนของ “ทราเวลบับเบิล” ซึ่งกำลังมีเจรจากับหลายประเทศ โดยการเดินทางต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับในรายละเอียด บนพื้นฐานหลักการ ซึ่งเป็นกรอบใหญ่ ที่ต้องเสนอ ศบค.พิจารณาก่อน โดยการเจรจาเป็นการเจรจาระหว่าง 2 ชาติ และเซ็น MOU

สำหรับกลุ่มที่จะเดินทางภายใต้มาตรการ “ทราเวลบับเบิล” คือ คนที่มีความจำเป็นต้องเข้าประเทศไทย และอยู่ไม่นาน ไม่สามารถกักตัว 14 วัน และยอมให้ใช้มาตรการอย่างอื่นแทน เช่น การตรวจสุขภาพก่อนขึ้นเครื่อง หลังลงเครื่อง ต้องกำหนดระบะเวลาการอยู่ในประเทศให้ชัดเจน และต้องยอมให้ติดตามตัว รวมทั้งต้องให้ข้อมูลเรื่องผู้มาติดต่ออย่างครบถ้วน ทั้งนี้ ถ้าใครจะเดินทางเข้ามา แต่ไม่สามารถวางแผนได้ ก็ต้องกักตัว

“ขอยกตัวอย่าง กรณีนักธุรกิจไทย กลับจากต่างประเทศ อยู่ประเทศไทย 2-3 วัน ระหว่างนั้น ไปเซ็นสัญญาทางธุรกิจ และยอมรับเงื่อนไขของภาครัฐ พร้อมปฏิบัติตามทุกข้อ ก็ไม่ต้องกักตัว แต่ถ้าคนไทยกลับบ้าน และอยู่เมืองไทยนาน กรณีนี้ ต้องกักตัว 14 วัน ขณะที่กลุ่มผู้มาใช้บริการทางสุขภาพ กลุ่มนี้ ต้องตรวจสุบภาพก่อนขึ้นเครื่อง เมื่อลงเครื่องแล้วเข้าโรงพยาบาลเลย ภาครัฐทราบแน่นอนว่าอยู่ตรงไหน ติดต่อใครบ้าง ก็ไม่ต้องกักตัว ในส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ณ ปัจจุบัน เป็นคนไทยกลับบ้าน ภาครัฐรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคต เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามา จะเป็นความรับผิดชอบของผู้ประสงค์เข้าประเทศ” นายอนุทินกล่าว

ภายหลังจากการให้สัมภาษณ์ของ นายอนุทิน เจ้ากระทรวงสธ.ไม่นาน ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า

“วันนี้ยอดทั่วโลกทะลุ 9.5 ล้านคนไปแล้ว
วันเดียวติดเชื้อเพิ่มสูงไปถึง 172,768 คน
อเมริกาติดเพิ่ม 36,210 คน รวม 2,457,726 คน
บราซิลติดเพิ่ม 42,725 คน รวม 1,188,631 คน
รัสเซียติดเพิ่ม 7,176 คน รวม 606,881 คน
อินเดียติดเพิ่ม 16,923 คน รวม 472,985 คน
ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็กำลังเจอระบาดซ้ำ
การชงมาตรการหาเงินเข้าประเทศด้วยการเอาผู้ป่วยต่างชาติเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Medical or Wellness Tourism นั้น…
ถามตรงๆ นะครับ “ใจคอทำด้วยอะไร?”

ด้วยสถานการณ์ที่เห็นทั่วโลกเช่นนี้ “คนหรือกลุ่มคนที่เป็นต้นตอเสนอมาตรการ” ที่อาจนำความเสี่ยงมาสู่คนไทยทั้งประเทศนั้น “หากแน่จริง และกล้าที่จะรับผิดชอบกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศในอนาคต” ขอให้แสดงตัวออกมาให้สาธารณะได้ทราบครับ”

 

ประเด็นดังกล่าว จึงกลายเป็นวิวาทะอย่างช่วยไม่ได้ของเจ้ากระทรวง สธ. “หมอหนู” กับ “หมอธีระ” ซึ่งทั้ง 2 คนต่างมีมุมมองที่แตกต่างกัน ทั้งทางด้านของเศรษฐกิจประเทศที่ต้องขับเคลื่อนเดินหน้า โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวที่พรรคภูมิใจไทยของ “หมอหนู” กุมบังเหียนอยู่ ขณะที่มุมมองของหมอ ก็ต้องการที่จะให้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายแบบชัวร์ๆ เพราะหวั่นเกรงถึงการระบาดของทั่วโลกที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง และในบางประเทศก็เกิดการระบาดเป็นระลอกที่ 2

ข่าวที่น่าสนใจ