สภาพัฒน์ เผยหน่วยงานยื่นของบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 43,851 โครงการ วงเงินกว่า 1.36 ล้านล้านบาท มากกว่างบเงินกู้ 4 แสนล้านบาทถึง 3 เท่า คาดกลั่นกรองเบื้องต้นเสร็จ 26 มิ.ย.นี้
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้กล่าวถึงความคืบหน้า การวิเคราะห์และกลั่นกรองแผนงานหรือโครงการที่ 3 ภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พ.ศ. 2563 หรืองบฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 400,000 ล้านบาท ว่า จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 22 มิ.ย.63 หน่วยงานต่างๆ ได้ส่งข้อเสนอโครงการในรอบที่ 1 รวมทุกแผนงาน จำนวน 43,851 ข้อเสนอ วงเงินกว่า 1.36 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนงาน 3.2 (การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและชุมชน ที่เน้นสร้างงานรองรับการกลับสู่ต่างจังหวัด) มีข้อเสนอโครงการมากที่สุด จำนวน 42,405 โครงการ ตามมาด้วย แผนงาน 3.1 (เน้นการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ) จำนวน 1,259 โครงการ ตามลำดับ
ทั้งนี้ เนื่องจากข้อเสนอโครงการมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้การวิเคราะห์โครงการของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ล่าช้าไปกว่ากำหนดอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถวิเคราะห์เสร็จในเบื้องต้นภายในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ และสามารถส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้เพื่อพิจารณาได้ทันในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เพื่อนำส่งโครงการที่ผ่านการพิจารณาให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามกำหนดไว้ในวันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนที่จะให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้พิจารณานั้น สภาพัฒน์จะเปิดให้ประชาชนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอโครงการที่ผ่านการวิเคราะห์ของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ผ่านทางระบบ ThaiME (http://thaime.nesdc.go.th) เพื่อใช้ประกอบการกลั่นกรองโครงการต่อไป เพื่อให้เกิดความรอบคอบและโปร่งใส
ในส่วนของกรณีที่ภาคส่วนต่างๆ ยังมีความกังวลว่าบางข้อเสนอโครงการอาจมีความไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ขอยืนยันว่า คณะทำงานของสภาพัฒน์ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ ประกอบด้วยนักวิชาการผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญจากหลายสาขา ได้วิเคราะห์โครงการโดยยึดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี คือการใช้เงินกู้นี้จะต้องตรงตามวัตถุประสงค์ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั่วถึงเที่ยงธรรม เน้นความคุ้มค่าและมีมาตรการป้องกันการทุจริต
ข่าวที่น่าสนใจ
