“สมคิด” เร่งเครื่อง “พาณิชย์” ชูแผนส่งออก-ดูแลสินค้าเกษตร

“สมคิด” เร่งเครื่อง “พาณิชย์” ชูแผนส่งออก-ดูแลสินค้าเกษตร


ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมากระทรวงพาณิชย์เพื่อมอบนโยบายและติดตามงานที่ได้เคยมอบหมายไว้ ภายหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลาออกไป ทั้งแผนการดูแลภาคการส่งออกสินค้าไทยในปี 62 รวมถึงการดูแลและรักษาระดับราคาสินค้าเกษตร การขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ และความคืบหน้าการเจรจาการค้าที่ไทยกำลังอยู่ระหว่างหารือ
นอกจากนี้ จะต้องเดินหน้า การประชุม RCEP ให้บรรลุตามเป้าหมายในการเจรจาภายในปีนี้ ช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน โดยจะต้องหารือกับอินเดีย ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในRCEP รวมถึงการส่งออกของประเทศ ยอมรับว่ากระทรวงพาณิชย์ ยังต้องรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยจะต้อง หารือกับทูตพาณิชย์อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ในขณะนี้เอาไว้ ทั้งในส่วนของตลาดเดิมและตลาดใหม่ โดยจะไม่ปรับเป้าหมายการส่งออกของประเทศในปีนี้ ที่ตั้งไว้ร้อยละ 8
รองนายกฯ กล่าวว่า “เรื่อง CLMVT เป็นเรื่องที่สำนักนโยบายให้ความสำคัญมาก ปีนี้เราเป็นเจ้าภาพอยากให้จัดงานให้ดี และอยากให้ส่งเสริมอาเซียนด้วย โดยชูเห็นว่า CLMVT เป็นหัวใจของอาเซียนและไทยเราก็เป็นศูนย์กลางของ CLMVT กระทรวงพาณิชย์ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจัดการให้ดี
ได้กำชับให้อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้ระดมพาณิชย์จังหวัด เข้าใจบทบาทใหม่ของ ร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นสิ่งที่ดีและไม่ใช่เพียงแค่บริการผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการเท่านั้น แต่ร้านธงฟ้าประชารัฐ มีหน้าที่จัดหาสินค้าที่ดีมีคุณภาพและต้นทุนถูกมาจำหน่ายในร้านค้าประชารัฐให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าสำหรับเกษตรกรที่จำเป็น เช่น ปุ๋ยได้มีการเจรจาแล้ว คิดว่าจะสามารถนำปุ๋ยราคาถูกกว่าท้องตลาดมาจำหน่ายให้เกษตรกรในร้านธงฟ้าประชารัฐได้” ดร.สมคิดกล่าว
“นอกจากนี้สิ่งที่ ท่านสนธิรัตน์เคยฝากฝังเอาไว้ เรื่องการยกระดับร้านโชห่วยให้มีความทันสมัยขึ้น ทั้งในเรื่องการสั่งซื้อและรับของที่เราสั่งซื้อจากอีกที่หนึ่ง โดยจะสามารถนำสินค้าจากจังหวัดหนึ่งมาขายผ่านระบบออนไลน์ได้ อยากให้กรมพัฒนาฯ เร่งขยายสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เป็นการนำสินค้าท้องถิ่นออกมาขาย แต่ต้องรวมไปถึงการท่องเที่ยวด้วย เพราะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และสำคัญ” ดร.สมคิด กล่าวเพิ่มเติม
น.ส.ชุติมา รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า “ในด้านการส่งออกปี 62 พาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายเติบโต 8% แม้จะมีความเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาน้ำมันตกต่ำ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน”
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “กรมเตรียมนำเสนอความคืบหน้าการเจรจาการค้าในกรอบความตกลงต่างๆของไทย เช่น ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) รวมถึงความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) ที่รัฐบาลไทยแสดงความตั้งใจจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก”
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ย้ำถึงการทำงานจากนี้ จะต้องผลักดันเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพไว้ หลังจากประเทศไทยยังต้องเผชิญความผันผวนของเศรษฐกิจโลก