สมคิดชูยุทธศาสตร์เกษตรอุตสาหกรรม

สมคิดชูยุทธศาสตร์เกษตรอุตสาหกรรม


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรจะเร่งแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัด จากเดิมที่ทำหน้าที่กำกับมาเป็นหน่วยงานสนับสนุน โดยเฉพาะกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ที่ต้องออกแบบการส่งเสริมและสนับสนุนการต่อยอดสินค้าเกษตรให้มากขึ้นมากกว่าการที่จะไปส่งเสริมอุตสาหกรรมแบบเดิมๆ เพราะสินค้าเกษตรสามารถเพิ่มมูลค่าได้ จากที่ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และยังช่วยในการสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้มาก
“ต้องปรับแนวคิดใหม่ อย่าคิดแบบไดโนเสาร์ เพราะไม่เช่นนั้น เราจะก้าวไม่ทันคนอื่น กสอ. ต้องมองการพัฒนาสินค้าเกษตร เพราะอุตสาหกรรมแบบเดิมๆ ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็ก อุตสาหกรรมเหล่านี้ ได้แค่การจ้างงาน ซึ่งควรร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีดีแบงก์ทำอย่างไรให้เกิดมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร ซึ่งสินค้าเกษตร ของฝาก ทำได้หมด ดังนั้น ในเวลาที่เหลือ 3 เดือนนี้ ก็อยากจะให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศ” นายสมคิดกล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ที่ภารกิจเดิมเน้นกำกับดูแลโรงงานทั่วประเทศ ก็ต้องมามุ่งเน้นการส่งเสริมให้โรงงานเหล่านี้ ปรับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อให้ทันสมัย และต้องมองมิติให้เกิดโรงงานที่สนับสนุนภาคการเกษตรควบคู่กันไปด้วย ขณะที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะต้องไปพัฒนามาตรฐานสินค้าให้สอดรับกับสินค้าของชุมชนและวิสาหกิจ เพื่อให้เกิดความเชื่อถือได้ ไม่ใช่ไปตรวจจับแต่สินค้าไม่ได้มาตรฐาน
โดยก่อนหน้านี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พิจารณาส่งเสริมการลงทุนที่กระจายไปยังท้องถิ่นมากขึ้นแล้ว เพราะหากไทยไม่เร่งยกระดับการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรม อีก 3 ปี ไทยอาจจะถูกเวียดนามแซงหน้าได้โดยขณะนี้ เวียดนามได้เร่งการพัฒนาอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการเกษตร
ส่วนการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กสอ. กับจังหวัดวาคายามะ เพื่อดำเนินการจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์อุตสาหกรรมเครื่องเขินภาคเหนือ ขอให้ไปพิจารณาเป็นช่วงเวลาที่ผู้ว่าราชการของ จ.วาคายามะ จะเดินทางมากรุงเทพฯ ในเดือนพ.ค.2562 และต้องเตรียมหารือและขยายความร่วมมือสู่การพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป เนื่องจากจังหวัดนี้ของญี่ปุ่นมีศักยภาพมากในการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยพื้นฐานจังหวัดดังกล่าวเป็นการปลูกส้ม ซึ่งเขาสามารถแปรรูปส้มทั้งลูกได้หมดแม้กระทั่งเปลือกส้ม
“อย่างสับปะรดล้นตลาดทุกปี เราต้องวางแผนก่อนเลย ว่าเราจะแปรรูปอย่างไร อย่างโรงงานที่ผลิตส้มที่อบผิวส้มให้แห้ง แล้วนำไปขายเป็นยาจีน เครื่องก็ดีไซน์เองได้ ซึ่งผลผลิตของเค้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราแต่เราไม่พยายามจะพัฒนาของเราให้ดี เพราะเรามัวแต่ไปเน้นอุตสาหกรรมหนักมากเกินไป” รองนายกฯ กล่าว
นายสมคิดกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมนวัตกรรม หรือ InnoSpace (Thailand) ร่วมกับ16 หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น Hong Kong Cyberport และหน่วยงานส่งเสริมสตาร์ทอัพของอิสราเอล สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นต้น เพื่อเป็นศูนย์กลางส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัพไทยและนานาชาติอย่างครบวงจร มีกระบวนการการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการในทุกระดับ ครอบคลุมทุกสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาอุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพ พร้อมผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยมีขีดความสามารถในการทำการค้าในระดับนานาชาติได้รวดเร็วขึ้น เห็นว่าควรจะเปลี่ยนชื่อใหม่ที่สื่อดีกว่านี้ เพราะชื่อเดิม ไม่สื่อถึงวัตถุประสงค์ที่ต้องการปั้นสตาร์ทอัพ โดยชื่ออาจจะเป็น Cyberport Thailand น่าจะทำให้ต่างชาติเข้าใจง่ายกว่า ก็ขอให้ไปดูจุดนี้และการดึงมืออาชีพเข้ามาบริหารที่เก่งด้านนวัตกรรมด้วย