ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ESG เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ความสมัครใจ หรือการทำรายงานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน แต่เมื่อโลกกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แนวคิดเรื่อง ESG กำลังเปลี่ยนสถานะอย่างชัดเจน

ปี 2026 เทรนด์ ESG ถูกมองโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนและเทคโนโลยีว่า จะเป็นช่วงเวลาที่ ESG ไม่ได้เป็นเพียง “แนวทางที่ดีถ้ามี” แต่จะกลายเป็น โครงสร้างพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจ หากองค์กรต้องการเติบโตและอยู่รอดในระยะยาว ซึ่งทิศทางมีความชัดเจนขึ้นอย่างน้อย 5 เทรนด์สำคัญ ที่กำลังหล่อหลอมโลกธุรกิจยุคถัดไป
เทรนด์ที่ 1: ESG จากความสมัครใจ สู่ข้อบังคับเชิงระบบ
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด คือ ESG กำลังก้าวออกจากพื้นที่ของ “ความตั้งใจที่ดี” ไปสู่ “ข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติ” ทั้งในมิติของกฎหมาย การเปิดเผยข้อมูล และความคาดหวังจากนักลงทุน โดยเฉพาะในตลาดยุโรปและประเทศพัฒนาแล้ว มาตรฐานการรายงานอย่าง CSRD (Corporate Sustainability Reporting Directive) กฎหมายของสหภาพยุโรป (EU) ที่กำหนดให้บริษัทต้อง รายงานข้อมูลด้านความยั่งยืน (ESG) อย่างเป็นระบบและตรวจสอบได้ หรือข้อกำหนดด้านซัพพลายเชน กำลังทำให้ธุรกิจไม่สามารถเลือกทำ ESG เฉพาะบางส่วนได้อีกต่อไป หากแต่ต้องบูรณาการ ESG เข้าไปในกระบวนการตัดสินใจหลักขององค์กรอย่างเป็นระบบ
เทรนด์ที่ 2: ESG กลายเป็น “โครงสร้างดิจิทัล” ขององค์กร
ในปี 2026 ความยั่งยืนจะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยเอกสารหรือรายงานแบบเดิมอีกต่อไป เทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะ AI, Data Platform และระบบติดตามคาร์บอน จะกลายเป็นหัวใจของการจัดการ ESG องค์กรเริ่มมอง ESG ในฐานะ “Sustainability Stack” หรือชุดโครงสร้างดิจิทัลที่เชื่อมโยงข้อมูลพลังงาน ซัพพลายเชน ความเสี่ยง และการกำกับดูแลเข้าด้วยกัน เพื่อใช้วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แบบเรียลไทม์

เทรนด์ที่ 3: การลงทุนให้ความสำคัญกับ ESG ที่วัดผลได้จริง
นักลงทุนในปี 2026 จะไม่พอใจกับคำประกาศหรือเป้าหมายระยะยาวอีกต่อไป แต่ต้องการเห็น “ผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้” ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนจริง การจัดการแรงงานอย่างเป็นธรรม หรือโครงสร้างบอร์ดที่โปร่งใส
ESG จึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของการประเมินมูลค่าธุรกิจ ความสามารถในการเข้าถึงเงินทุน และต้นทุนทางการเงินในระยะยาว บริษัทที่ไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงทั้งด้านชื่อเสียงและการลงทุน
เทรนด์ที่ 4: Social และ Governance ถูกยกระดับขึ้นเทียบเท่าสิ่งแวดล้อม
แม้ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แต่ในปี 2026 มิติด้านสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) จะถูกจับตามองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน ความหลากหลาย ความปลอดภัยแรงงาน ไปจนถึงความโปร่งใสของผู้บริหาร หลายองค์กรเริ่มตระหนักว่า ความล้มเหลวด้าน Social หรือ Governance เพียงครั้งเดียว อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากกว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในระยะสั้น
เทรนด์ที่ 5: ESG กลายเป็นกลยุทธ์การอยู่รอด ไม่ใช่แค่ความยั่งยืน
เทรนด์สุดท้ายที่สะท้อนภาพรวมทั้งหมด คือ ESG ในปี 2026 จะถูกมองว่าเป็น “กลยุทธ์การอยู่รอดของธุรกิจ” ท่ามกลางความเสี่ยงจาก Climate Change ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันจากสังคม องค์กรที่สามารถผสาน ESG เข้ากับกลยุทธ์หลักได้อย่างแท้จริง จะมีความยืดหยุ่นสูงกว่า รับมือความเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า และได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งตลาด นักลงทุน และสังคมในระยะยาว

ESG ปี 2026 คือเกมใหม่ของธุรกิจยุคใหม่
จะเห็นว่าทั้ง 5 เทรนด์สะท้อนตรงกันว่า ESG ไม่ใช่ “ต้นทุนเพิ่มเติม” แต่คือ “โครงสร้างใหม่ของความสามารถในการแข่งขัน” ธุรกิจที่เริ่มก่อน ปรับก่อน และทำจริงก่อน จะเป็นผู้กำหนดเกมในโลกเศรษฐกิจยุคถัดไป
แหล่งอ้างอิง:
-
Propel Sustainability – The Next Wave of ESG
https://www.propelsustainability.co.uk/blog-2-1/thenextwave -
Forbes – Bernard Marr, 5 ESG Trends That Will Shape Business in 2026
https://www.forbes.com/sites/bernardmarr/2025/10/17/5-esg-trends-that-will-shape-business-in-2026/ -
TechRadar – In 2026, Sustainability Is the New Stack
https://www.techradar.com/pro/in-2026-sustainability-is-the-new-stack
