ถอดบทเรียนจากเวที TCP Sustainability Forum 2025 เมื่อธุรกิจต้องเติบโตอย่างยั่งยืน

ถอดบทเรียนจากเวที TCP Sustainability Forum 2025 เมื่อธุรกิจต้องเติบโตอย่างยั่งยืน

กลุ่มธุรกิจ TCP จัดงาน “TCP Sustainability Forum 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด Sustainable Growth: The Future of Growth เวทีที่รวมผู้นำองค์กรระดับประเทศ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้ประกอบการ เพื่อหาคำตอบว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างแท้จริงได้อย่างไร ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภูมิรัฐศาสตร์ที่ผันผวน และสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลง

Sustainable Growth คือเป้าหมายใหม่ที่โลกต้องการ

ในการเสวนาหัวข้อการก้าวข้ามธุรกิจแบบเดิม: สู่กลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนคุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรต้องปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อรับมือกับบริบทที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นการดำเนินธุรกิจแบบเดิม จึงไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป คุณสราวุฒิมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาสำคัญของการปรับสมดุล (Rebalancing) เพื่อทบทวนและจัดลำดับความสำคัญใหม่ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Reinvention) ด้วยการเปลี่ยนวิธีการทำงาน วิธีคิด และรูปแบบธุรกิจให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น

 

กลุ่มธุรกิจ TCP ยังได้วางกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ได้แก่ การกระจายการเติบโต (Growth Diversification), การยกระดับประสิทธิภาพ (Operational Efficiency) และ การสร้างรากฐานเพื่ออนาคต (Future-Ready Foundation) โดยทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนแนวคิด EESG: Economic, Environment, Social และ Governance

 

หัวใจของการเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่ที่ Adaptability หรือความสามารถในการปรับตัวขององค์กร ความยั่งยืนที่แท้จริงไม่ใช่การยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิม แต่คือการพร้อมเผชิญและปรับตัวในทุกการเปลี่ยนแปลง หากเรามองเห็นว่าในทุกวิกฤตมีโอกาส และสามารถใช้ช่องว่างนั้นให้เป็นประโยชน์ ก็จะกลายเป็นข้อได้เปรียบระยะยาวที่ต่อยอดไปสู่การเติบโตในอนาคต และภายในปี 2030 ผมอยากเห็นการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี พร้อมด้วย Mindset ที่เปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนนายสราวุฒิ กล่าว

 

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP

 

เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายความยั่งยืน กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ขยายการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพด้วยโครงการสำคัญ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์นอกเขตคุ้มครอง ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (BCST) เพื่อนำร่องพัฒนาพื้นที่ยี่สาร จังหวัดสมุทรสงคราม ให้เป็นต้นแบบพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตคุ้มครองตามแนวทาง OECMs (Other Effective Area-Based Conservation Measures) และ โครงการป่าไม้เพื่อคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด PES (Payment for Ecosystem Services) หรือการจ่ายค่าตอบแทนสำหรับบริการจากระบบนิเวศโดยมีแนวคิดหลักว่าคุณดูแลป่า เราดูแลคุณซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

 

 

นายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

 

การพัฒนาที่ยั่งยืนคือพลังขับเคลื่อนใหม่

นายเจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนคือพลังขับเคลื่อนใหม่ของความร่วมมือจีนไทย และได้ยกตัวอย่างแนวคิดการพัฒนาของจีน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านนวัตกรรม  การบูรณาการ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดกว้าง และการแบ่งปัน ซึ่งสอดคล้องกับโมเดล BCG ของไทย โดยปัจจุบันมีบริษัทจีนกว่า 1,000 แห่งเข้ามาลงทุนในไทยในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะร่วมสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

การพัฒนาที่ยั่งยืนมิใช่เพียงภารกิจร่วมที่ยุคสมัยมอบหมายแก่เรา แต่ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมกันสร้างอนาคต การจับมือเดินไปด้วยกันบนเส้นทางดังกล่าว จะไม่เพียงแต่เสริมสร้างเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ แต่ยังจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเผชิญความท้าทายระดับโลก และสร้างอนาคตร่วมกันที่มั่งคั่งและสมดุลยิ่งขึ้นคุณเจียง เหว่ย กล่าว

 

Green Transition: การลงทุนที่ดีที่สุด

ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในปาฐกถาพิเศษในหัวข้อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ: โอกาสใหม่สำหรับการเติบโตทางธุรกิจว่า โลกกำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่บีบให้ทุกประเทศต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด การแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่เพียงส่งผลต่อภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก แต่ยังสะท้อนมายังไทย ทั้งตลาดทุน การผลิต และค่าเงิน อย่างไรก็ดี นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญ เพราะจีนเริ่มกระจายฐานการผลิตสู่เอเชียและอาเซียน ซึ่งมีศักยภาพจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกในอีกสิบปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านสู่ The Great Green Transition ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น แม้บางประเทศลดบทบาทด้านความยั่งยืน แต่ท่ามกลางวิกฤติสภาพภูมิอากาศ Green Transition จะกลับมาเป็นวาระหลักของทุกประเทศภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

 

ดร.กอบศักดิ์ เสริมว่าวันนี้ประเทศไทยกำลังเริ่มเตรียมความพร้อม ทั้งด้านกฎหมายและการสร้างความเข้าใจให้ภาคเอกชนเกี่ยวกับการลดการปล่อย CO การจัดการ Carbon Supply Chain และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพราะนี่คือการลงทุนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ต้นทุนถูกลงมาก และยิ่งเราเริ่มเร็ว เราก็ยิ่งมีโอกาสสร้างความได้เปรียบระยะยาว

ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระทบแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นรถสันดาป ปิโตรเคมี เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้กระทั่งเกษตรและปศุสัตว์ หากไม่เร่งปรับตัวก็จะเผชิญความล้าสมัย ขณะที่การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจโลกยิ่งเร่งให้อัตราการเปลี่ยนแปลงด้าน AI หุ่นยนต์ และ Computing เร็วขึ้นกว่าเดิม นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัว เพื่อยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกอนาคต

 

AI และนวัตกรรม: เครื่องมือเร่งการเติบโต

 

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) โดย คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เน้นย้ำว่า AI และเทคโนโลยีคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนได้ โดยเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มาเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน

“AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเพื่อการเติบโตแบบปกติ แต่คือพลังแห่ง Disruptive Growth ที่สามารถยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้หลายเท่าคุณธนวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นFrontier Countryภายในปี 2030 ที่ทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีสร้างคุณค่าและเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน

 

การเติบโตที่แท้จริง ต้องโตให้ถูกทาง

ขณะที่ คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ตั้งคำถามกับผู้ร่วมงานว่า เรากำลังเติบโตไปเพื่อใคร และกำลังทิ้งอะไรไว้ให้คนรุ่นหลัง โดยชี้ว่าการเติบโตที่มีความหมายต้องครอบคลุมทั้งความมั่งคั่ง การกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม และความยั่งยืน เขายกตัวอย่าง ดัชนีสิ่งแวดล้อม (EPI) ที่ไทยอยู่เพียงอันดับ 90 จาก 180 ประเทศ สะท้อนถึงจุดอ่อนด้านคุณภาพอากาศและการจัดการทรัพยากรน้ำ แม้จะมีความก้าวหน้าในบางมิติ แต่โดยรวมยังต้องเร่งพัฒนา ที่สำคัญ ดัชนีนี้ยังสะท้อนว่าปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น หลักนิติธรรม ความโปร่งใส และฉันทานุมัติของสังคม มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ หากต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร

 

การแก้ปัญหาโครงสร้างต้องอาศัยฉันทานุมัติจากภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ สื่อ ไปจนถึงประชาชนทั่วไป เพราะหากสังคมเห็นตรงกันในเรื่องคุณค่าที่ควรยึดถือ นโยบายสาธารณะย่อมเปลี่ยนตาม เพราะในท้ายที่สุด การเติบโตที่มีความหมาย ไม่ได้วัดจากความร่ำรวยของประเทศเพียงลำพัง หากแต่วัดจากความสามารถในการพาคนส่วนใหญ่ของประเทศไปต่อในอนาคตร่วมกันคุณบรรยง กล่าว

 

ความยั่งยืน: ‘ร่มที่ธุรกิจต้องถือไว้ด้วยกัน

ภายในงาน TCP Sustainability Forum 2025 ยังมีการเสวนาในหัวข้อการนำการเติบโตที่ยั่งยืนไปปฏิบัติจริงโดยผู้ประกอบการ SME และผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน อาทิ เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่, คอมม่อน ฟู้ด โซลูชั่น บริษัทที่เข้าร่วม โครงการ ‘Big Brother’ ที่ เดอเบล บริษัทภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ทำงานร่วมกับหอการค้าไทย เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs และไทยนำโพลีแพค ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์ของกลุ่มธุรกิจ TCP โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าบทบาทของธุรกิจวันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำกำไร แต่ต้องสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน

 

การเสวนาในหัวข้อการนำการเติบโตที่ยั่งยืนไปปฏิบัติจริง

คุณพรพิมล ปักเข็ม จาก เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้างอนาคตที่ดีและโลกที่น่าอยู่ขึ้นให้กับลูกสาว และคนรุ่นหลัง มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี Air Pop และวัตถุดิบที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ขณะที่ คุณวัฒนา กฤษณาวารินทร์ จาก ไทยนำโพลีแพค ที่เปลี่ยนความท้าทายและภาพลักษณ์ของพลาสติกที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ด้วยโมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy) และการบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้เพื่อผลักดัน Circular Economy ที่แม้จะทำให้ต้นทุนสูง แต่ความตื่นตัวของสังคมและกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น จะทำให้ผู้ที่พร้อมก่อนได้เปรียบก่อน ส่วน คุณสุพิชญ์ญา ยามวินิจ จาก คอมม่อน ฟู้ด โซลูชั่น เล่าประสบการณ์การทำธุรกิจที่แก้ปัญหา Food Waste และสร้างโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการแปรรูปผักผลไม้ที่หลุด QC เป็นสินค้าคุณภาพ พร้อมสร้างระบบจัดการขยะที่ชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ความร่วมมือคือพลังขับเคลื่อน

คุณพรฤทัย โชติวิจิตร จาก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN ให้ความเห็นว่า วิกฤตสิ่งแวดล้อมนั้นใกล้ตัวกว่าที่คิดมันไม่ทำไม่ได้แล้ว เพราะผลกระทบจากขยะมูลฝอย เช่น ไมโครพลาสติก อยู่ในร่างกายมนุษย์แล้วเธอยกตัวอย่างโครงการนำร่องที่ IUCN ร่วมกับกลุ่มธุรกิจ TCP และชุมชนในจังหวัดระนอง ทดลองโมเดล EPR (Extended Producer Responsibility) โดยใช้ร้านโชห่วยในชุมชนเป็นจุดรับคืนบรรจุภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมุมมองว่าบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วไม่ใช่ขยะ แต่ยังมีคุณค่า และยังสามารถผลักดันสู่การออกเทศบัญญัติท้องถิ่นว่าด้วยการจัดการขยะได้สำเร็จ ตอกย้ำว่าความร่วมมือระหว่างธุรกิจและชุมชนคือพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลัง

งาน TCP Sustainability Forum 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเวทีสนทนา แต่คือสัญญาณสะท้อนจากผู้นำในภาคธุรกิจ การเงิน และเทคโนโลยี ที่ต่างเห็นตรงกันว่าการเติบโตในอนาคตต้องไม่ใช่เพียง การโตเร็ว แต่คือการโตอย่าง มั่นคง เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง บทเรียนสำคัญจากเวทีครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก หากแต่คือหนทางเดียวที่จะพาเราไปถึงอนาคตที่แท้จริง

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม