สหภาพยุโรปเตรียมแบนก๊าซจากรัสเซียภายในปี 2570

สหภาพยุโรปเตรียมแบนก๊าซจากรัสเซียภายในปี 2570

ออกมาตรการกฎหมายลดการพึ่งพารัสเซีย เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงาน ท่ามกลางแรงต้านจากบางชาติสมาชิก

 

 

คณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมเสนอแผนการห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งจากท่อส่งและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัสเซียเข้าสู่สหภาพยุโรป (EU) ภายในสิ้นปี 2570 โดยแผนดังกล่าวจะถูกเสนออย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2568 นี้ และจะยกระดับเป็นมาตรการทางกฎหมายเพื่อรับมือกับแรงต้านจากบางประเทศสมาชิก โดยเฉพาะฮังการีและสโลวาเกียที่ยังพึ่งพาก๊าซรัสเซียอย่างมาก

 

 

ยุติสัมพันธ์พลังงานยาวนานหลังรุกรานยูเครน

มาตรการนี้สะท้อนคำมั่นของสหภาพยุโรปในการลดและยุติการพึ่งพาด้านพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งเคยเป็นซัพพลายเออร์ก๊าซรายใหญ่ของยุโรปมานานหลายทศวรรษ การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้ยุโรปเร่งหาแนวทางใหม่ในการจัดหาพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น

 

 

แบ่งช่วงการยุติสัญญาก๊าซ

แผนการของคณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดกรอบเวลาชัดเจนในการเลิกนำเข้าก๊าซจากรัสเซียดังนี้:

  • ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569: ห้ามนำเข้าก๊าซและ LNG จากรัสเซียในรูปแบบสัญญาใหม่ทั้งหมด
  • ถึง 17 มิถุนายน 2569: สัญญาระยะสั้นที่ลงนามก่อนวันที่ 17 มิถุนายน 2568 จะได้รับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน 1 ปี
  • ตั้งแต่ 1 มกราคม 2571: ห้ามนำเข้าแม้แต่ในกรณีของสัญญาระยะยาวที่ลงนามก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายถึงการยุติการใช้ก๊าซรัสเซียในยุโรปอย่างเป็นทางการ

 

 

กระทบบริษัทพลังงานยุโรปหลายราย

บริษัทพลังงานรายใหญ่ เช่น TotalEnergies ของฝรั่งเศส และ Naturgy ของสเปน มีสัญญา LNG กับรัสเซียที่ขยายไปจนถึงทศวรรษ 2030 แผนห้ามนำเข้าจะส่งผลให้สถานี LNG ในยุโรปไม่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าชาวรัสเซียได้อีกต่อไป พร้อมกับข้อกำหนดให้บริษัทผู้จัดหาก๊าซต้องเปิดเผยรายละเอียดสัญญาต่อหน่วยงานของ EU และรัฐบาลในแต่ละประเทศสมาชิก

แดน จอร์เกนเซ่น กรรมาธิการพลังงานของ EU ระบุว่า การออกมาตรการในลักษณะนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถใช้หลัก “เหตุสุดวิสัย” (force majeure) ในการยกเลิกสัญญากับรัสเซียได้โดยไม่เผชิญผลทางกฎหมายหรือค่าปรับที่รุนแรง

 

 

เลี่ยงการถูกยับยั้งด้วยฐานกฎหมายใหม่

ฮังการีและสโลวาเกีย ซึ่งยังพึ่งพาก๊าซจากท่อส่งของรัสเซียอย่างมาก ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรพลังงาน และเคยขัดขวางมาตรการในอดีตที่ต้องการความเห็นพ้องจากสมาชิกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรปใช้ฐานกฎหมายใหม่ที่สามารถออกกฎหมายด้วยเสียงข้างมากจากประเทศสมาชิกและรัฐสภายุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยับยั้ง

 

 

ก๊าซจากรัสเซียยังคงมีบทบาทในยุโรป

แม้ว่าสัดส่วนการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียจะลดลงเหลือประมาณ 19% จากเดิมที่สูงถึง 45% ก่อนปี 2022 แต่รัสเซียยังคงส่งก๊าซมายังยุโรปผ่านท่อ TurkStream และในรูปแบบ LNG โดยมีประเทศอย่างเบลเยียม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสเปนที่ยังนำเข้า LNG จากรัสเซียอยู่ในปัจจุบัน

รัฐมนตรีอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส มาร์ก เฟอร์ราชี กล่าวแสดงการสนับสนุนแผนดังกล่าว โดยระบุว่า “เราสนับสนุนแผนนี้โดยหลักการอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างความมั่นคงสูงสุดแก่ภาคธุรกิจ”

 

มาตรการของสหภาพยุโรปในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนต่อรัสเซีย แต่ยังเชื่อมโยงโดยตรงกับ ประเด็นด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพราะการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลจากรัสเซีย เป็นการเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้าน Climate Action ของ EU

สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแผนนี้ แต่ก็สามารถรับบทเรียนเชิงนโยบายใน 3 ประเด็นหลัก:

  1. การลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานที่มีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
  2. การวางแผนเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ
  3. การเตรียมกลไกทางกฎหมายรองรับการเปลี่ยนผ่านและการเปิดเผยข้อมูลพลังงาน

นอกจากนี้ โลกกำลังเข้าสู่ช่วงที่การจัดหาพลังงานมีแนวโน้มจะเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ด้าน ESG มากขึ้น

เรื่อย ๆ ดังนั้น การเตรียมพร้อมของไทยในเรื่องการลงทุนพลังงานสะอาดและความโปร่งใสในภาคพลังงานจึงไม่ควรมองข้าม

การห้ามนำเข้าก๊าซจากรัสเซียของยุโรปอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการลดการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน และอาจส่งสัญญาณเตือนให้ประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ตระหนักถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

 

ที่มา : https://www.reuters.com/sustainability/boards-policy-regulation/eu-readies-ban-russian-gas-imports-by-end-2027-2025-06-17/